นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ( สนค. ) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีกับสินค้าจีน มีจำนวน 14 รายการ ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เซมิคอนดักเตอร์ โซลาร์เซลล์ และกระบอกฉีดยาและเข็มฉีดยา และส่วนประกอบของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสำหรับรถยนต์ EV และรถยนต์ที่ไม่ใช่รถยนต์ EV กราไฟต์ธรรมชาติ แร่ธาตุสำคัญ แม่เหล็กถาวร เครนขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์หน้าท่า เหล็กและอะลูมิเนียม หน้ากาก และถุงมือยางชนิดที่ใช้ทางการแพทย์
โดยในปี 2566 สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าในรายการข้างต้นรวมมูลค่าทั้งหมด 168.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้าจากจีนมูลค่า 18.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 11.2% ขณะที่นำเข้าจากไทยมูลค่า 7.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 4.3% สำหรับสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าการนำเข้าสูง มี 4 รายการสินค้า ได้แก่ โซลาร์เซลล์ เซมิคอนดักเตอร์ เหล็กและอะลูมิเนียม และถุงมือยาง
สนค. คาดว่าสงครามการค้ารอบใหม่ จะยังส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจการค้าโลกในภาพรวม อีกทั้งจะต้องติดตามการดำเนินการของจีนที่อาจตอบโต้สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ไม่น่าจะมีผลกระทบที่รุนแรงนักเมื่อเทียบกับสงครามการค้าที่เกิดขึ้นในปี 61 ที่ส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและมูลค่าการค้าโลกหดตัวอย่างชัดเจนในปี 62 (GDP ไทย ปี 62 ชะลอตัวเหลือ 2.1% จาก 4.2% ทั้งในปี 60 และปี 61 และการส่งออกไทยปี 62 หดตัว 2.6% จากขยายตัว 9.9% และ 6.9% ในปี 60-61) ทั้งนี้ สินค้าที่ไทยอาจได้อานิสงส์ในการส่งออกทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ เหล็กและอะลูมิเนียม และถุงมือยาง นอกจากนี้ คาดว่าไม่น่าจะมีผลต่อรถยนต์ไฟฟ้าของไทย เพราะกลุ่มลูกค้าของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอยู่ในอาเซียนและโอเชียเนีย ขณะที่ยังต้องติดตามมาตรการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหรือสินค้าที่สหรัฐฯ จับตา อย่างเช่น โซลาร์เซลล์ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ จะเฝ้าระวังการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นและกำลังการผลิตส่วนเกินจากประเทศในอาเซียน
จากสถิติการค้าปี 66 พบว่า สหรัฐฯ เป็นผู้นำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ถุงมือยาง และโซลาร์เซลล์รายใหญ่เบอร์ 1 ของโลก และนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์สูงที่สุดเป็นอันดับ 8 ของโลก และเมื่อพิจารณาตัวเลขการนำเข้าของสหรัฐฯ พบว่า สหรัฐฯ นำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ส่วนใหญ่มาจากประเทศในอาเซียนและเอเชียตะวันออก โดยจีนเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 5 มูลค่าการนำเข้า 2,322 ล้านเหรียญสหรัฐ (สัดส่วน 5.6% ของมูลค่าการนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมดของสหรัฐฯ) หดตัว 29.6% ขณะที่ไทยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 6 มูลค่าการนำเข้า 1,960 ล้านเหรียญสหรัฐ (สัดส่วน 4.7%) หดตัว 10.0% ซึ่งถือว่าดีกว่าการเติบโตของการนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมดของสหรัฐฯ
ที่ผ่านมา การค้าสหรัฐฯ–จีนลดลงชัดเจน และนำเข้าสินค้าทดแทนจากประเทศอื่นเพิ่มขึ้นมูลค่าการนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ จากจีนหดตัว 16.6% ในปี 62 แม้ต่อมามีการขยายตัวในบางปี แต่การนำเข้ากลับมาหดตัวสูงอีกครั้งที่ 20.3% ในปี 66 และส่วนแบ่งตลาดของจีนในสหรัฐฯ ลดลงถึง 7.7% ในช่วงปี 60-66 ทั้งนี้ ในปี 66 จีนเสียตำแหน่งแหล่งนำเข้าอันดับ 1 ของสหรัฐฯ ที่ยาวนานต่อเนื่อง 14 ปี ให้แก่ เม็กซิโก ขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้าของจีนจากสหรัฐฯ หดตัว 20.8% ในปี 62 แม้ต่อมาการนำเข้ามีการขยายตัวในปี 63-64 แต่การนำเข้าจากสหรัฐฯ กลับมาหดตัว 0.4% และ 6.5% ในปี 65-66 และส่วนแบ่งตลาดของสหรัฐฯ ในจีน ลดลง 1.9% ในช่วงปี 60-66
ในช่วงปี 62-66 มูลค่าการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ ขยายตัวต่อเนื่อง อีกทั้งที่ผ่านมาไทยเป็นฝ่ายเกินดุลกับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่มูลค่าการส่งออกไปจีนขยายตัวในบางปี ทั้งนี้ หลังการเกิดสงครามการค้า (ปี 60-66)ส่วนแบ่งตลาดของไทยในตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 1.3% เป็น 1.8% โดยสินค้าไทยที่สามารถส่งออกทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ของใช้ในบ้านและสำนักงาน สิ่งพิมพ์ และอุปกรณ์อื่น ๆ และส่วนประกอบของยานยนต์ ขณะที่สินค้าไทยที่สามารถส่งออกทดแทนสินค้าสหรัฐฯ ในตลาดจีน อาทิของใช้ในบ้านและสำนักงาน สิ่งพิมพ์ และอุปกรณ์อื่น ๆ และคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ