ไมโครซอฟท์เสียแชมป์บริษัทมูลค่ามากที่สุดในโลกให้กับเอ็นวีเดีย ยักษ์ธุรกิจผลิตไมโครชิป

ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก สหรัฐ รายงานว่า ปิดตลาดในวันที่ 18 มิถุนายน 2024 หรือเมื่อคืนผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัทเอ็นวีเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไมโครชิปจีพียูชื่อดังระดับโลก โดยมีผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ชื่อนายเจนเซน หวง มีราคาปิดที่ระดับ 135.58 ดอลลาร์สหรัฐ หรือหุ้นละกว่า 5,016 บาท เพิ่มขึ้นถึง 3.6% ส่งผลให้มูลค่าบริษัทดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเป็น 3.34 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 123.6 ล้านล้านบาท

มูลค่าบริษัทเอ็นวีเดียดังกล่าวในคืนผ่านมา พบว่า มีมูลค่ามากกว่าบริษัทไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น ที่ 3.32 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 122.8 ล้านล้านบาท ส่งผลให้เอ็นวีเดียกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกแทนที่ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น ของมหาเศรษฐีนายบิลล์ เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนผ่านมา เอ็นวีเดียมีมูลค่าบริษัทพุ่งขึ้นแตะหลัก 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก ส่งผลให้ในต้นเดือนนี้ มีมูลค่าบริษัทใหญ่กว่าบริษัทแอปเปิล อินคอร์อเรชั่น ซึ่งมีนายทิม คุก เป็นซีอีโอ

ที่น่าสนใจ คือราคาหุ้นเอ็นวีเดียทะยานขึ้นถึง 174% นับตั้งแค่ต้นปีนี้มาถึงเมื่อคืนผ่านไป และนับตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา ราคาหุ้นเอ็นวีเดียพุ่งทะยานขึ้นถึง 9 เท่า ส่งผลให้ ซีอีโอ นายเจนเซน หวง มีมูลค่าความร่ำรวยพุ่งทะยานสูงขึ้นเป็น 117,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.33 ล้านล้านบาท ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยอันดับ 11 ของโลกในปัจจุบัน

ด้านผลประกอบการไตรมาส 1 ปีนี้ พบว่า กลุ่มธุรกิจด้าต้าเซ็นเตอร์ของบริษัทเอ็นวีเดียเติบโตสูงมากขึ้น 427% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 โดยมีมูลค่ารวมที่ 22,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 836,200 ล้านบาท คิดเป็น 86% ของรายได้ทั้งหมด สาเหตุจากตลาดการแข่งขันในธุรกิจเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ รุนแรงอย่างมาก ส่งผลให้ยอดผลิตและยอดขายไมโครชิปของเอ็นวีเดียเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นที่ต้องการของบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลก เช่น โอเพ่นเอไอ ไมโครซอฟท์ อัลฟาเบธ(กูเกิ้ล) อเมซอน และเมตา(เฟซบุ๊ก) รวมถึงในต้นเดือนผ่านมา มีการเปิดตัวไมโครชิปรุ่นใหม่ได้รับการตอบรับจากตลาดอย่างคึกคักมาก

ทั้งนี้ เอ็นวีเดีย ก่อตั้งขึ้นในปี 1993 หรือมีอายุมาถึง 31 ปี โดยเริ่มต้นในธุรกิจผลิตการ์ดกราฟิกสำหรับอุตสาหกรรมเกม ต่อมามองเห็นถึงโอกาสการพัฒนาไมโครชิปที่มีสมรรถนะสูงขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดเทคโนโลยีทั่วโลก

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles