ฮั่วเซ่งเฮง คาดครึ่งหลังของปี 67 ความต้องการทองในประเทศยังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะไฮซีซั่นตลาดทอง

ฮั่วเซ่งเฮง คาดครึ่งหลังของปี 67 ความต้องการทองในประเทศยังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะไฮซีซั่นตลาด ทอง

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง คาดทิศทางราคาทองคำครึ่งหลังของปี 2567 ว่า แนวโน้มความต้องการทองคำของตลาดในประเทศยังคงมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันที่ผู้คนต่างซื้อทองคำมอบเป็นของขวัญ หรือได้เงินก้อนจากโบนัสและต้องการลงทุน แต่ต้องจับตามองถึงสถานการณ์และปัจจัยหลายๆ ด้าน ทั้งการปรับลดดอกเบี้ยจะส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้น การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในปีนี้ ซึ่งนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครฯ มีทีท่าชัดเจนต้องการให้ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา หรือเฟด เร่งลดดอกเบี้ย ทั้งนี้ ทางฮั่วเซ่งเฮงมองว่าอีก 2-3 ปี นับจากนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ดีของทองคำ

ส่วนแนวโน้มราคาทองคำโลก ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แนวรับบริเวณ 2,250-2,430 ดอลลาร์ ยังคงแข็งแกร่งและสามารถฟื้นตัวขึ้นมาจากระดับดังกล่าวได้ ซึ่งแต่ละรอบที่ปรับตัวขึ้นมาก็สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้แทบทุกครั้ง และยังมีการยก Low และยก High ขึ้นมาในแต่ละเวฟ ซึ่งเป็นรูปแบบของแนวโน้มขาขึ้น คาดการณ์ แนวรับ 2,280 / 2,250 แนวต้าน 2,400 / 2,430

ขณะที่แนวโน้มราคาทองในประเทศ ได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวราว 2.40 บาท หรือราว 6.8% ช่วยหนุนราคาทองคำ โดยหลังจากขึ้นมาเหนือระดับ 40,000 บาทแล้ว ราคายังไม่เคยหลุดลงไปต่ำกว่าระดับ 40,000 บาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการถือครองทองคำที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากความผันผวนของตลาด รวมถึงปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามากระทบกระแสลดการพึ่งพาเงินสกุลดอลลาร์ และแน่นอนว่ารวมถึงแนวโน้มของทองคำที่เป็นขาขึ้นด้วย คาดการณ์ แนวรับ 40,000 / 39,700 บาทต่อบาททองคำ แนวต้าน 41,000 / 41,300 บาทต่อบาททองคำ

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำ ได้แก่
– แนวโน้มดอกเบี้ย: คาดกันว่าปีนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว และหากมีข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อเริ่มลงหรือเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว คาดว่าดอกเบี้ยจะลดมากกว่า 1 ครั้ง
– นโยบายการคลังของสหรัฐ: จะเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในปีนี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจเป็นผู้ชนะ ซึ่งทรัมป์เองมีนโยบายลดภาษีทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา โดยจะส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำ
– นโยบายการเงิน: หากเฟด ไม่ลดดอกเบี้ย หนี้ของสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น ซึ่งหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งฯ มีแนวโน้มว่าจะมีการก่อหนี้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ดอกเบี้ยในระดับสูงจะนำมาซึ่งปัญหาหนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทอง หรือหากเฟดลดดอกเบี้ย ก็จะเป็นผลบวกกับทองเช่นเดียวกัน

“ทองคำยังคงได้รับความนิยมและเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุน โดยมีจุดเด่นซึ่งแตกต่างจากการลงทุนอื่นๆ และถือเป็นการลงทุนที่มั่นคงในระยะยาว โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีประมาณ 10% (ย้อนหลัง 5 ปีที่ผ่านมา) โดยหนึ่งในเหตุผลหลักที่นักลงทุนมักจะให้ความสนใจการลงทุนทองคำก็คือความสามารถในการคุ้มครองมูลค่าเงินลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวน หรือในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ” นายธนรัชต์ กล่าว

อย่างไรก็ตามแนวทางที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และใช้ได้ดีกับทุกสภาวะของตลาด แม้ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วย 2 วิธี คือการกระจายการลงทุน (Diversify Portfolio) การกระจายการลงทุนที่ดี ต้องตอบโจทย์การลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว ซึ่งการคัดเลือกสินทรัพย์และให้น้ำหนักในการลงทุนตามเป้าหมายของนักลงทุนแต่ละคน เป็นไปตามระดับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้ และDollar Cost Averaging (DCA) เป้าหมายของ DCA คือ การลงทุนด้วยค่าเฉลี่ยของราคา แม้จะไม่ใช่วิธีที่ทำให้ได้ผลตอบแทนมากที่สุด แต่ก็เป็นการเฉลี่ยต้นทุนในการเข้าซื้อ ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาวและต้องการลดความเสี่ยงอื่นที่ไม่ใช่ market risk

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles