ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 81.54 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.24% ส่งผลหยุดราคาน้ำมันดิบปิดขึ้น 2 วันติดกันรวม +0.91 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.45% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 86.41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.01% ส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดขึ้น 3 วันติดกันรวม +1.40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.80%
ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง ปิดสวนทางกัน -0.2% และ +0.02% ตามลำดับ สิ้นสุดมิถุนายนราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น +5.9% ส่งผลตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ และเบร็นท์ อังกฤษ ปิดเพิ่มขึ้น +13.8% และ +12.1% ตามลำดับ
สาเหตุจากสำนักงานข้อมูลพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินลดลงถึง 8.83 ล้านบาร์เรล ทำสถิติต่ำสุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ หรือในรอบ 4 เดือน ก่อนหน้านี้ กลุ่มโอเปกพลัส เปิดเผยว่า ความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกยังไม่มีจุดสูงสุดในระยะกลางหรือระยะยาว พร้อมปรับคาดการณ์ว่า ปริมาณบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มเป็น 116 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2045 และสำนักบริหารจัดการข้อมูลพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ อีไอเอ ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกปี 2024 เป็นวันละ 1.10 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่วันละ 900,000 บาร์เรล
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2022 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในปี 2022 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมัน มีผลวันที่ 22 มิถุนายน 2567 โดยขึ้นราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ขึ้น 40 สตางค์/ลิตร นับเป็นการขึ้นราคาครั้งที่ 3 ใน 11 วันผ่านมา หรือตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2567 ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันที่แพงขึ้นในรอบ 4 สัปดาห์ หรือตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคมผ่านมา