นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาท วันนี้ เปิดที่ระดับ 36.01 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.11 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.85-36.15 บาทต่อดอลลาร์
นับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา แม้ว่าโดยรวมเงินบาทจะมีทิศทางแข็งค่าขึ้น ทว่าก็มีการเคลื่อนไหวที่ผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในช่วง 36.00 -36.19 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ในช่วงแรกผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งของเฟดในปีนี้ลงมาบ้าง
อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์กลับแข็งค่าอยู่ได้ไม่นานก็เริ่มเผชิญแรงขายทำกำไร ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ได้แรงหนุนจากทั้งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาด รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาสดใส และมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่าเฟดมีโอกาสราว 63% ในการลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่โซน 2,460-2,470 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้บรรดาผู้เล่นในตลาดได้ทยอยขายทำกำไรทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนให้เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องทดสอบโซนแนวรับสำคัญ 36.00 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท ยอมรับว่า การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาทจนทดสอบโซนแนวรับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น เหนือความคาดหมายพอสมควร เนื่องจากรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ก็ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และราคาทองคำในช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้เราเชื่อว่า ตราบใดที่ผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังว่าเฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ (โอกาสจาก CME FedWatch Tool ควรเกิน 60%) เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจมี Upside ที่จำกัด หรืออาจปรับตัวขึ้นไม่ได้มาก จนกว่าตลาดจะเลิกเชื่อในมุมมองดังกล่าว ทั้งนี้ แม้ว่าเงินบาทจะสามารถแข็งค่าทดสอบโซนแนวรับสำคัญได้ แต่เรามองว่า การแข็งค่าต่อยังคงเป็นไปอย่างจำกัด จนกว่าตลาดจะมีการรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเราประเมินว่า แนวรับถัดไปของเงินบาทอาจอยู่ในโซน 35.85 บาทต่อดอลลาร์ หากเงินบาทสามารถแข็งค่าหลุดโซน 36 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน ซึ่งในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันบ้าง จากโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ อย่าง น้ำมันดิบ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB) หลังเงินเยนได้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินบาทพอสมควรอีกครั้ง นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนต่างชาติก็อาจยังสามารถทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมได้ จนกว่าตลาดทุนไทยจะเรียกความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนให้กลับมาได้ ซึ่งอาจต้องรอลุ้นให้ผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน
ทั้งนี้เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตามการเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาทอย่างมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น