ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 82.82 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.01% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 85.11 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.01%
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง ปิดลดลง -1.1% และ -1.7% ตามลำดับ สิ้นสุดมิถุนายนราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น +5.9% ส่งผลตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ และเบร็นท์ อังกฤษ ปิดเพิ่มขึ้น +13.8% และ +12.1% ตามลำดับ
สาเหตุจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาลดต่ำลงมากถึง 4.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 4.4 ล้านบาร์เรล
ด้านนายเจอโรม พาวเวลล์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ได้แถลงมุมมองภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาต่อสมาคมเศรษฐกิจ วอชิงตัน ดีซี ในคืนผ่านมา กล่าวว่า ถ้าต้องรอให้อัตราเงินเฟ้อลดลงจนเข้าเป้าหมายที่ระดับ 2% พอดี เราอาจจะต้องรอคอยยาวนานเกินไป เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่อยู่ในระดับสูงนั้น หรือระดับความตึงตัวของนโยบายการเงินที่อยู่ในระดับปัจจุบัน จะยังคงส่งผลกระทบให้บางทีกดดันอัตราเงินเฟ้อลงต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2%
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2022 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในปี 2022 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันครั้งสุดท้ายมีผลวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 โดยลดราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลง 30 สตางค์/ลิตร นับเป็นการลดราคาครั้งแรกในรอบการขึ้นราคามาทั้งหมด 5 ครั้งต่อเนื่อง ในเกือบ 3 สัปดาห์ผ่านมา หรือตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2567 ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันที่ถูกที่สุดในรอบ 1 สัปดาห์ หรือตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม ผ่านมา