นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ายอดขายของปี 2567 จากเดิมคาดจะเติบโตได้มากกว่า 5% ลดเหลือโตไม่ถึง 5% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดี ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในช่วงไตรมาส 2 ซึมและลดลง ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค เมื่อดูตามรายภาคพบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลงมากที่สุด ขณะที่ภาคเหนือ ภาคใต้ กรุงเทพฯ ยังมีกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวยังเข้ามาอยู่
ทั้งนี้ เชื่อว่ากำลังซื้อจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง เนื่องจากมีการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 และโครงการเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท จะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในโค้งสุดท้ายของปี 2567 ต่อเนื่องถึงปี 2568 ซึ่งบิ๊กซีมีเตรียมความทุกด้านเพื่อเข้าร่วมโครงการที่รัฐบาลจะเปิดให้ลงทะเบียนในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งบิ๊กซีมินิ จำนวน 1,500 สาขาและร้านโดนใจ จำนวน 7,000-8,000 สาขา อย่างไรก็ตามอาจจะมีบางประเด็นที่ต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐ เช่น ขอบเขตการใช้เงินที่อยากให้สามารถใช้ข้ามเขตพื้นที่ได้และให้มีการใช้ในรูปแบบเหมือนเงินสด เพื่อหมุนเงิน 5 แสนล้านบาทที่รัฐบาลจะใช้ดำเนินการหมุนเข้าสู่ระบบได้เร็วและมากที่สุด เพราะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจ ซึ่งบริษัทพร้อมร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่
โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นความท้าทายเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เท่าที่เห็น คือ กำลังซื้อซึม คนประหยัด ซื้อเท่าที่จำเป็น ไม่ได้จับจ่ายใช้สอยมากเหมือนเมื่อก่อน แต่บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนที่วางไว้ ซึ่งปีนี้จะใช้เงินลงทุน 4,000-6,000 ล้านบาท สำหรับปรับปรุง 18 สาขาเดิม ขยายสาขาใหม่ในประเทศและต่างประเทศที่สปป.ลาว เพราะมองการลงทุนระยะกลางและระยะยาว ที่สำคัญเงินที่เราลงทุนจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างหนึ่ง
สำหรับปัจจัยยังต้องจับตาต่อเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง เป็นการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์และการค้าโลก การเลือกตั้งสหรัฐที่จะชัดเจนเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมถึงสงครามรัสเซียกับยูเครน แต่เชื่อว่าไม่น่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยมองว่าปัจจัยสำคัญ คือ เรื่องความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายเงินในประเทศที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2568 รวมถึงความเชื่อมั่นในตลาดหุ้น โดยยังเชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ไตรมาส4 นี้ หลังอัตราดอกเบี้ยปรับลดลง หนุนมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นมากขึ้น แม้ตลาดหุ้นจะกลับมาฟื้นตัวได้ แต่บริษัทยังชะลอแผนนำบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง โดยขอดูจังหวะ ประเมินภาพรวมตลาดหุ้นและสถานการณ์โดยรวม คาดจะยื่นไฟลิ่งใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 และนำหุ้นเข้าซื้อขายได้ภายครึ่งหลังปี 2568