ดัชนี SET Index หุ้นไทยปิดวันนี้ที่ 1,290.05 จุด ปรับลดลง 8.03 จุด หรือ -0.62% มูลค่าซื้อขาย 2,034.51 ล้านบาท
บล.กสิกรไทย ประเมินดัชนี SET Index วันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,290 – 1,310 ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงนำโดยหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี Nasdag S&P 500 ปิดลดลง -3.64%, S&P500 -2.32% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 2 ปี ปรับลดลงที่ 4.433% ตลาดเข้าสู่ช่วงปิดความเสี่ยง (Risk off) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตเบื้องต้นของทั่วโลกลดลงที่ 49.5 ภาคบริการเพิ่มขึ้นที่ 56.0 ส่วนของยูโรโซน ลดลงที่ 45.6 ภาดบริการลดลงที่ 51.9 และของอังกฤษเพิ่มขึ้นที่ 51.8 ภาคบริการเพิ่มขึ้นที่ 52.4 ข้อมูลจาก GDPNow คาดว่า GDP ไตรมาส 2 สหรัฐฯ จะขยายตัว 2.7% ประธานเฟดสาขานิวยอร์ค สนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยสัปดาห์หน้าที่จะประชุม FOMC วันที่ 30 – 31 ก.ค.
ปัจจัยภายในประเทศ รัฐบาลแจงรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ผู้มีสมาร์ทโฟนเริ่มลงทะเบียนผ่านแอป “ทางรัฐ” 1 ส.ค. – 15 ก.ย. 2567, ผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน 16 ก.ย. – 15 ต.ด. 2567 ร้านค้าตั้งแต่ 1 ต.ค. 2567 คาดสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ 4 รอบ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนในน้ำหนักคือเรื่องคดีทางการเมือง ซึ่งหากยังไม่มีความชัดเจน จะทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนไปก่อน
ด้านบล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีพักตัว รับแรงกดดันจากบรรยากาศการลงทุนภายนอก ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงค่อนข้างแรง เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจ อาทิ ยอดขายบ้านใหม่ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่ต่ำกว่าคาด ปัจจัยดังกล่าวส่ง Sentiment ลบมายังตลาดหุ้นไทย
ขณะที่ปัจจัยในประเทศระยะสั้น ยังไม่เห็นปัจจัยบวกหนุนดัชนี โดยนักลงทุนเลือกเก็งกำไรตามผลประกอบการของหุ้นรายตัว ขณะที่ทิศทาง Flow มีสัญญาณความขัดแย้งกัน ระหว่างนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิต่อเนื่องแต่สวนทางกับสถาบันในประเทศขายสุทธิต่อเนื่อง ทำให้ภาพของตลาดอยู่ในภาวะที่พักต่อ
สำหรับการแถลงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อวานนี้ มีมุมมองเป็นกลาง เนื่องจากมีรายละเอียดเพิ่มเติมเพียงแค่การลงทะเบียน ขณะที่รายละเอียดอื่นๆ อาทิ คุณสมบติ แหล่งที่มาของเงิน ไม่ได้ต่างจากเดิมมากพร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,290 จุด และแนวต้าน 1,300-1,310 จุด