นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือ สภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่ามีความกังวลต่อค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแข็งค่ามาอยู่ที่ 34.5 บาทต่อดอลลาร์ ถือว่าแข็งค่าเร็วและแรงเกิน จากที่เดือน ก.ค. เคลื่อนไหวอยู่ที่ 36-36.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยแข็งค่าขึ้นมาถึง 2 บาท
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าในช่วงครึ่งปีแรกปี 67 การส่งออกของไทยขยายตัวได้ถึง 2 % ได้รับอานิงสงค์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ท่ามกลางปัจจัยรุมเร้าจากภายนอกประเทศ มีเพียง”เงินบาท”ที่อ่อนค่าเป็นจุดแข็งให้การส่งออกไทยเติบโตได้ถึง 2% ซึ่งการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าแบบนี้ไปเรื่อยก็น่าเป็นห่วงการส่งออกในครึ่งปีหลัง เพราะปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกก็ยังคงอยู่ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ไทยทำได้ดีในช่วงครึ่งปีแรก ที่ยอดส่งออกสินค้าเกษตรทำได้ถึง 20 % ของการส่งออก หรือคิดเป็นสัดส่วน 3 % ของตัวเลขการส่งออกของไทย หากค่าเงินบาทในช่วงครึ่งปีหลังแข็งค่าแบบนี้ก็เป็นจุดที่อ่อนไหวสำหรับการส่งออกไทย โดยคาดว่าจะเห็นผลกระทบชัดเจนได้ในไตรมาส 4 เพราะในไตรมาส 3 ผ่านพ้นไปแล้ว
นายชัยชาญ ระบุว่า จุดแข็งจุดเดียวของไทยคือ เงินบาทอ่อน ซึ่งจากนี้คงไม่ใช่อีกแล้ว โดยค่าเงินบาทที่เหมาะสมไม่แข็งค่าเกินไปหรือไม่อ่อนค่าเกินไป ควรจะต้องรักษาระดับให้อยู่ประมาณ 35-36 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ ค่าเงินบาทแข็งเร็วลงไปถึง 32 บาทต่อดอลลาร์ก็ทำให้ผู้ส่งออกสะบักสะบอมมาแล้ว
อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจว่าประเทศไทยมีการบริหารจัดการเงินบาท โดยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะไม่มีการเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาท ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพราะไทยเคยมีบทเรียนอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามก็ขอให้ธปท. มาตรการอย่างเข้มข้นเพื่อ รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทในระดับที่เอื้อต่อการส่งออกหรือไม่แข็งค่าไปกว่าประเทศคู่ค้าและคู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญ การให้ความรู้ในทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการเกี่ยวกับมาตรการและเครื่องมือทางการเงิน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินด้วย