นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNR PLC เปิดเผยว่า ความต้องการถุงยางอนามัยระดับพรีเมี่ยมมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบัน TNR PLC มีกำลังการผลิตถุงยางอนามัยสูงสุดที่ 2,000 ล้านชิ้นต่อปี จากโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ส่งออกไปขายกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
ความร่วมมือในครั้งนี้ TNR PLC ได้เตรียมขยายตลาดถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์ PLAYBOY CONDOMS ไปยังคู่ค้าทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย เวียดนาม แอฟริกา และประเทศอื่น ๆ ที่ประชาชนมีฐานรายได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น เจลหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันกัญชา(CBD) และการพัฒนาผลิตถุงยางอนามัยที่บางที่สุด 0.02 ซึ่งบางกว่าที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่า โดยตั้งเป้ายอดขายปีหน้ามากกว่า 2,000 ล้านบาท จากภาพรวมตลาดทั่วโลก ที่มีมูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด(มหาชน)(TNR PLC) คาดหวังการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะจากบีโอไอ ซึ่งเดิมมีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับผู้ผลิตที่มีการส่งออกเข้มข้น โดยที่ผ่านมา TNR PLC มีการผลิตเพื่อส่งออกถึง 90% ได้รับการสนับสนุนจาก BOI ระยะเวลา 8+5 ปี แต่ปัจจุบันสิทธิประโยชน์ลดลงเหลือ 5 ปีเท่านั้น ทั้งนี้หากได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากบีโอไอ ในระดับ 8+5 ปีเท่าเดิม ก็มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตจาก ปีละ 2,000 ล้านชิ้น เป็น 3,000 ล้านชิ้นต่อปี ใช้งบลงทุน 500-800 ล้านบาท
แต่หากสิทธิประโยชน์ยังไม่จูงใจก็อาจลงทุนเพิ่มกำลังผลิตเหลือแค่ครึ่งหนึ่งจากแผน หรือเพิ่มประมาณ 500 ล้านชิ้นเท่านั้น ขณะเดียวกันมองว่าการเพิ่มกำลังการผลิตจะเป็นการเพิ่มความต้องการใช้น้ำยางธรรมชาติซึ่งมีผลต่อการพยุงราคายางในประเทศให้มีเสถียรภาพด้วย
ทั้งนี้ ตลาดถุงยางอนามัยที่ใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรกในโลก คือ จีน ความต้องการ 7,000 ล้านชิ้นต่อปี ตามด้วย สหรัฐอเมริกา อินเดีย อินโดนีเซีย และ ญี่ปุ่น ตามลำดับ