นางสเตลล่า ลี รองประธานอำนวยการ บีวายดี (BYD) ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตยานยนต์ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานพลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีใหญ่ที่สุดของโลก กล่าวว่าในอนาคต บีวายดีคาดหวังยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ของบีวายดีในต่างประเทศคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมดของบีวายดีในภาพรวม
อย่างไรก็ตาม นางสเตลล่า ลี ไม่ได้ระบุระยะเวลาที่ชัดเจนในการที่จะเห็นยอดขายรถบีวายดีเกือบครึ่งหนึ่งมาจากตลาดต่างประเทศ เป็นที่ชัดเจนว่าบีวายดีมีความต้องการที่จะเพิ่มกำลังการผลิต และการจัดส่งรถยนต์พลังงานพลังงานใหม่ บีวายดีกำลังจะมียอดขายตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 500,000 คันใน ต่างประเทศภายในสิ้นปีนี้ หลังจากที่ในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปีนี้บีวายดีมียอดขายรถในตลาดต่างประเทศสะสมรวมกัน 270,000 คัน หรือคิดเป็น 54% ของเป้าหมายยอดขายในตลาดต่างประเทศในปีนี้ และคิดเป็น 14% ของเป้าหมายยอดขายรถยนต์ทั้งหมดของบีวายดี
สำหรับเป้าหมายในภาพรวมของปี 2024 บีวายดีกำหนดไว้ว่าจะต้องมียอดขาย รถยนต์พลังงานใหม่ ได้แก่รถไฟรถไฟฟ้า 100% หรือบีอีวี และเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด รวมกันทั้งสิ้นที่ 3.6 ล้านคัน ซึ่งยอดขายส่วนใหญ่นั้นจะมาจากภายในตลาดประเทศจีนเป็นหลัก
รองประธานอำนวยการ บีวายดี (BYD) กล่าวต่อไปว่า บีวายดีกำลังจะลงทุนเพื่อก่อตั้งศูนย์ข้อมูล หรือ data center ของบีวายดีเองในแต่ละประเทศที่อยู่ในแต่ละตลาด โดยเฉพาะในทวีปยุโรป เนื่องจากบีวายดีกำลังขยายตลาดยานยนต์ประเภทขับเคลื่อนอัตโนมัติ และยานยนต์ที่ใช้ระบบอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อในอนาคต เธอยืนยันว่า ข้อมูลที่มีการลงทะเบียนและจัดเก็บไว้ในแต่ละศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศนั้น จะไม่มีการส่งข้อมูลเหล่านั้นกลับไปยังประเทศจีน
นายโจนนา เฉิน นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมยานยนต์ แห่งสำนักวิจัยเศรษฐกิจ บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ เปิดเผยว่า 50% ของยอดขายรถยนต์จากตลาดต่างประเทศสำหรับเป้าหมายของบีวายดีนั้นอาจจะไม่สามารถเกิดเกิดขึ้นภายในสิ้นทศวรรษนี้ จากปัจจัยทั้งหมดประเมินว่าอาจจะต้องใช้เวลาถึงภายในปี 2030 หรืออาจจะเนิ่นนานไปมากกว่านั้น ถึงแม้ว่ารถบีวายดีจะสามารถทำตลาดและมีส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นในประเทศบราซิล ไทย อิสราเอล สิงคโปร์ และออสเตรเลีย แต่ตลาดรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ในอันดับต้นต้นของโลกอย่างเช่นทวีปยุโรปโดยเฉพาะผู้บริโภคมีความรู้สึกตื่นตัวที่น้อยมากสำหรับการยอมรับและปรับเปลี่ยนไปใช้รถอีวีท่ามกลางนโยบายของรัฐบาลในแต่ละประเทศของกลุ่มสภาพยุโรปที่พยายามผลักดันให้ก้าวเข้าไปสู่เป้าหมายลดปัญหาโลกร้อน
อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น บีวายดีต้องเผชิญกับมาตรการเก็บอัตราภาษีรถยนต์เพิ่มสูงขึ้นสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตผลิตจากประเทศจีน กลุ่มสหภาพยุโรปประกาศเก็บอัตราภาษีกับรถบีวายดีเพิ่มเพิ่มขึ้น จากอัตราที่เก็บปกติอีก 17% สหรัฐสหรัฐอเมริกาและแคนาดาประกาศปรับเพิ่มอัตราภาษีรถอีวีเต็ม 100% เนื่องจากหน่วยงานคณะกรรมการการแข่งขันของทั้งสหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหภาพยุโรป มีข้อมูลและหลักฐาน รวมถึงกำลังอยู่ในกระบวนการสอบสวนเพิ่มเติมว่ารัฐบาลจีนใช้นโยบายอุดหนุนต้นทุนและราคาขายสำหรับค่ายรถอีวีของจีน
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมผ่านมา วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกเปิดเผย รายงานยอดขายของค่ายรถยนต์ทั่วโลก พบว่าในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านไป ยอดขายรถยนต์ของบีวายดี ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าชื่อดังระดับโลกจากจีน มียอดขายรวมทั้งสิ้น 980,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 ส่งผลให้บีวายดี ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 7 ของแบรนด์รถยนต์ที่มียอดขายมากที่สุดใน 10 อันดับแรกของโลก โดยเป็นการขยับขึ้นสูงถึง 3 อันดับหลังจากที่ในไตรมาสที่ 2 เมื่อปี 2023 บีวายดีมียอดขายทั่วโลกอยู่ที่ราว 700,000 คัน ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 10 อันดับแรกของโลก
นับตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2023 เป็นต้นมา บีวายดี สามารถทำยอดขายแซงทั้ง 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นได้แก่ซูซูกิ และนิสสัน จนกระทั่งมาถึงไตรมาสสองที่เพิ่งผ่านไปของปีนี้บีวายดีสามารถทำยอดขายในแง่ปลายไตรมาส แซงค่ารถยนต์ฮอนด้าเป็นผลสำเร็จ ในขณะเดียวกัน ยอดขายของผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับโลก เช่น โตโยต้า มอเตอร์ และโฟล์คสวาเก้น เอจี ล้วนมียอดขายลดลงทั้งสองค่าย ในแง่รายไตรมาสเช่นกัน
สาเหตุที่บีวายดีมียอดขายรายไตรมาสเพิ่มขึ้นจนกระทั่งสามารถขึ้นมาอยู่ในอันดับ 7 ของโลกนั้น เป็นผลมาจากยอดขายรายไตรมาสจำนวนมากกว่า 105,000 คัน ล้วนมาจากตลาดในต่างประเทศ หรือนอกตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งพบว่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 3 เท่า ในด้านยอดขายภายในประเทศจีนนั้นบีวายดีมียอดขายรวมทั้งทั้งสิ้นในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมา