นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภา อุตสาหกรรม แห่ง ประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าว ถึง ผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ภาคเอกชน อยาก ให้ ทุกอย่าง ผ่าน ไปด้วยดี โดยไม่ต้องการให้การเมืองเกิดภาวะสะดุด ไม่ว่าระยะสั้นหรือระยะยาวเนื่องจาก จะส่งผลกระทบ ต่อความเชื่อมั่นของ นักลงทุน ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ คำถาม ที่จะเกิดขึ้น ตามมาคือ ใครจะมาเป็นผู้นำรัฐบาลคนต่อไป นโยบาย ต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ดังนั้น การลงทุน ต้องเกิดการชะลอตัวเพื่อ ดูความชัดเจนทางการเมือง ไทยจะเสียโอกาสการแข่งขัน
ขณะนี้ มีปัจจัยแวดล้อมภายนอกกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยอยู่แล้ว ทำให้ประชาชนขาดกำลังซื้อ มีหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูง หากต้องเริ่มต้นกันใหม่ คงต้องใช้เวลาและกว่าจะถึงเป้าหมายก็ลำบาก การเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี แม้จะไม่ใช่ เป็นการนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด แต่ทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจหยุดชะงัก เหมือนขับรถไปแล้วรถเสียต้องลงมาเข็น แต่ ภาคเอกชนน้อมรับผลการตัดสิน ตามมิติของศาลรัฐธรรมนูญ และ ยังคงพยายาม ขับเคลื่อน เศรษฐกิจ อย่างเต็มที่ และ ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่มี ครม. ใหม่ แต่เงินงบประมาณ ที่กำลังจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ขอให้เดินหน้าต่อ อย่าหยุด ขอให้เบิกจ่ายได้ต่อเนื่อง “อย่าเกียร์ว่าง” ไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจไทยจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ เพราะเคยมีประสบการณ์มาแล้วในรัฐบาลก่อนหน้าซึ่งการเบิกจ่าย งบประมาณล่าช้าทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ส่งผล สูญเสียโอกาสในทุกด้าน