ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 40,345 จุด -410 จุด หรือ -1.01% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,408 จุด -94 จุด หรือ -1.73% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 16,690 จุด -436 จุด หรือ -2.55% ย้อนกลับไปเมื่อวันอังคารที่ 4 กันยายนผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการซื้อขายในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นทั้ง 3 แห่งทำสถิติร่วงหนักใน 1 วันที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 1 เดือน หรือตั้งแต่ 5 สิงหาคมผ่านมา
ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดตกต่ำลง -2.9%, -4.3% และ -5.8% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 รายสัปดาห์ ทำสถิติย่ำแย่มากที่สุดในรอบ 1 ปี 5 เดือน หรือตั้งแต่มีนาคมปี 2023 และดัชนีหุ้นนาสแดครายสัปดาห์ ทำสถิติย่ำแย่มากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี หรือตั้งแต่ปี 2022
สาเหตุจากนักลงทุนเริ่มกังวลกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน กระทรวงแรงงาน สหรัฐ รายงานยอดจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคการเกษตรเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 142,000 คน ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 160,000 คน อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานลดลงมาอยู่ที่ 4.2% จากเดือนก่อนหน้านั้นที่ระดับ 4.3%
เมื่อวันพฤหัสบดีผ่านไป ยอดการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐในเดือนสิงหาคมต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ขณะที่นักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อหุ้นบริษัทเอ็นวีเดีย ซึ่งเป็นผู้นำและยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมผลิตไมโครชิป และเซมิคอนดักเตอร์ หลังจากมีราคาดำดิ่งหนักในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นผลจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐยื่นฟ้องเอ็นวีเดียต่อกรณีการป้องกันการครอบงำตลาดไมโครชิป ส่งผลราคาหุ้นดิ่งเหวในวันอังคารหนักถึง -9% ฉุดมูลค่าบริษัทดำดิ่งถึง 279,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 9.76 ล้านล้านบาทภายในวันเดียว
นอกจากนี้ เดือนกันยายนในแต่ละปีผ่านมา มักจะเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นสหรัฐมีความผันผวนรุนแรง โดยเฉพาะจากสถิติที่เก็บย้อนหลังมาหลายทศวรรษ พบว่า ดัชนีหุ้นจะตกต่ำย่ำแย่ ซึ่งคาดการณ์ว่าดัชนีหุ้นจะทรุดลงมากถึง -5% ในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้