ดัชนี SET หุ้นไทยปิดวันนี้ที่ 1,415.41 จุด ลดลง 12.62 จุด หรือ -0.88% ด้วยมูลค่าซื้อขายราว 73,985.61 ล้านบาท ดัชนีฯ ปรับฐานลงแรง ทำจุดสูงสุด 1,428.13 จุด และจุดต่ำสุด 1,405.30 จุด
ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายร่วงลงกว่า 20 จุด ลงมาเข้าใกล้ 1,400 จุด เป็นไปตามทิศทางตลาดต่างประเทศ กลงจบจบการดีเบตคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐอย่างดุเดือด ขณะที่กังวลธนาคารกลางญี่ปุ่นจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้มีแรงขายออกมามาก โดยเมื่อ 14.30 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,406.85 จุด ลดลง 21.18 จุด (-1.48%)
สำหรับ 3 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
- PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,699.69 ล้านบาท ปิดที่ 33.00 บาท ลดลง 0.75 บาท
- BH มูลค่าการซื้อขาย 2,843.72 ล้านบาท ปิดที่ 270.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
- KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,781.74 ล้านบาท ปิดที่ 156.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
โดย บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย)ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ลงแรงตามตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ที่ปรับลง โดยได้รับแรงกดดันหลักจากกลุ่มพลังงานและโรงกลั่นหลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงหลุด 70 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลความต้องการใช้น้ำมันโลกชะลอตัว รวมถึงแรงขายทำกำไรหุ้นใหญ่ ทั้ง SCC และกลุ่มค้าปลีก ขณะเดียวกันนักลงทุนยังรอติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ คืนวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดคาด Headline CPI เดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 2.6% เทียบรายปี และ Core CPI จะเพิ่มขึ้น 3.2% เทียบรายปี หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดจะเป็นแรงหนุนเฟดลดดอกเบี้ยลงเร็วและแรง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเงินทุนต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดภูมิภาคอาเซียน ซึ่งไทยก็จะได้รับอานิสงส์ด้วยเช่นกัน
ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ คาดว่าตลาดฯมีโอกาสรีบาวด์หลังลงมาแรงทดสอบแนวรับ 1,405 จุดก่อนเด้งขึ้นมาได้บ้าง แนะติดตามนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% พร้อมให้แนวรับที่ 1,405 จุด และแนวต้าน 1,430 จุด