นายฝาง หยุนโจว ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท เนต้า(Neta)ออโต้ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือรถอีวีสัญชาติจีนในยี่ห้อเนต้า กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Nikkei Asia ว่า ”ผมไม่ได้พูดว่า หรืออวดว่า ในขณะนี้เนต้าอยู่รอดได้แน่นอนใน 3-5 ปีนี้ อย่างไรก็ตาม เนต้าจะยึดถือในคุณค่าและแกนหลักของธุรกิจสำคัญ 3 ด้านด้วยกัน ประกอบด้วยเทคโนโลยีด้านนวัตกรรม การบริการหลังการขาย และความปลอดภัยของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าสถานการณ์ของอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ หรือเอ็นอีวีของผู้ผลิตสัญชาติจีนตกอยู่ในภาวะการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันสร้างยอดขายรถภายในประเทศท่ามกลางผู้ผลิตยานยนต์ยักษ์ใหญ่หลายค่ายสัญชาติจีน ล้วนใช้กลยุทธ์สงครามตัดลดราคาอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง รวมถึงการส่งออกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีไปยังตลาดต่างประเทศที่มีขนาดใหญ่และสำคัญ ซึ่งต้องเผชิญกับมาตรการจากรัฐบาลในประเทศยักษ์ใหญ่ต่างๆเช่น สหรัฐอเมริกา กลุ่มสหภาพยุโรปแคนาดา ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และหลายประเทศในอเมริกาใต้ ที่ประกาศใช้มาตรการกำแพงภาษีสูงขึ้นจากอัตราปกติกับยานยนต์ที่นำเข้าจากจีน
อลิกซ์พาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการให้บริการที่ปรึกษาการลงทุนในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า จะมีผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติจีนเพียง 19 รายจากทั้งหมด 137 รายที่สามารถทำธุรกิจมีกำไร ได้ภายในปี 2030 นี้ ดังนั้นที่เหลืออีก 118 รายจะเผชิญกับภาวะล่มสลาย นำไปสู่การปิดกิจการ หรือการถูกซื้อควบรวมกิจการ หรือตัดสินใจลดขนาดลงไปทำตลาดรถที่เล็กลง
ขณะที่นายอิ่น ถงเยว่ ประธาน นายบริษัทเชอรี่ ออโตโมบิล (Chery) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติจีนชื่อดังและมีขนาดใหญ่ลำดับต้นต้นของจีน รวมถึงประธานบริษัทหัวเหว่ย นายยู่ เฉิงตง เปิดเผยมุมมองในทิศทางเดียวกันว่า จะมีเหลืออยู่เพียงห้าผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่สัญชาติจีนที่อยู่รอดในอนาคตนี้ ข้อมูลในปัจจุบันจะพบว่ามีเพียงสองผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่สัญชาติจีนที่สามารถทำธุรกิจและมีกำไรสุทธิ ได้แก่ บีวายดี(BYD) และหลี ออโต(Li)
ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท เนต้า(Neta)ออโต้ กล่าวต่อไปว่า เนต้ายังคงกำหนดความหวังและมีเป้าหมายในการที่จะรุกเข้าไปทำตลาดยานยนต์ในประเทศสหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรป ถึงแม้ว่าในปัจจุบันตลาดรถยนต์ทั้งสองภูมิภาคนี้จะยังไม่ได้ถูกจัดลำดับความสำคัญมาแรกแรกแต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ขณะนี้เนต้ากำลังผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์รถอีวีที่เหมาะกับตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปซึ่งคาดการณ์ว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนมิถุนายนปี 2025 อย่างไรก็ตาม เนต้าให้ลำดับความสำคัญในการทำตลาดรถยนต์ในต่างประเทศ ได้แก่ อาเซียน ในขณะที่จะเริ่มทำการตลาดเชิงรุกในแอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้
ประเทศไทยเป็นเพียงตลาดเดียวของค่ายรถอีวีสัญชาติจีนแบรนด์เนต้าทึ่มียอดขายดีที่สุด ในปี 2023 ที่ผ่านมาเนต้ามีส่วนแบ่งตลาดรถอีวีที่ 16.7% ขึ้นเป็นอันดับที่ 2 รองจากค่ายรถบีวายดีที่ เป็นเจ้าตลาดรถอีวีมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดถึง 39.8% ขณะที่ยอดขายรถเนต้าในประเทศประเทศไทยระหว่างมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม หรือ 7 เดือนแรกของปีนี้ มียอดขายรวมกันทั้งสิ้น 4,278 คัน ซึ่งยังห่างจากบีวายดีมียอดขายรวมกันทั้งสิ้น 17,409 คัน
ทั้งนี้ ในภาพรวมแล้ว เนต้ามียอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ทั่วโลกรวมถึงในจีนช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ทั้งสิ้น 75,790 คัน ในจำนวนดังกล่าวมี 20,000 คันเป็นการส่งออกไปยังต่างประเทศ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า เป้าหมายการขายรถเนต้าทั่วโลกในปี 2024 จะอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายที่กำหนดไว้ว่าจะต้องทำได้ถึง 300,000 คันแบ่งเป็นขายในประเทศจีน 200,000 คันและส่งออกไปต่างประเทศ 100,000 คัน เฉพาะในปี 2023 ที่ผ่านมาเนตรส่งออกรถไปขายในต่างประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 17,019 คัน คิดเป็น 12% ของรายได้รวมทั้งหมดของบริษัท ในขณะที่เนต้ามีส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศจีนน้อยกว่า 2% ของภาพรวมทั้งหมดในจีน