โชโคแซบ (Chocozap) ซึ่งเป็นธุรกิจยิมในเครือกลุ่มบริษัทไรแซบ กรุ๊ป อินคอร์ปอเรชั่น ที่เป็นผู้นำธุรกิจฟิตเนสเจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงในประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ได้เปิดธุรกิจสถานที่บริการการออกกำลังกาย หรือยิมในรูปแบบมิกซ์ยูส (Mix-use) มาเป็นเวลาเกือบ 2 ปีในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 2.8 ล้านคน เติบโตถึง 2.2% เทียบกับปี 2023 ทำให้กลายเป็นธุรกิจเครือข่ายยิมที่มีสมาชิกมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่น และเปิดสาขารวมกันถึง 1,500 สาขาทั่วประเทศ
สำหรับธุรกิจยิมรูปแบบมิกซ์ยูสของโชโคแซบ คิดค่าบริการสมาชิกเดือนละ 20 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตกเดือนละ 680 บาท ซึ่งถูกกว่าธุรกิจยิมทั่วไปในญี่ปุ่น หรือแม้แต่ในสหรัฐและยุโรปที่คิดค่าสมาชิกรายเดือนละ 60-80 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตกเดือนละ 2,040-2,070 บาท ไม่เพียงมาออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังมีบริการซักอบผ้า คาราโอเกะ ดูแลรักษาฟันขาวสะอาด หรือแม้แต่บูธถ่ายภาพสนุกสนาน ทั้งหมดอยู่ภายในแต่ละสาขาของโชโคแซบ
จุดเริ่มต้นของธุรกิจยิมมิกซ์ยูสที่ประสบความสำเร็จของโชโคแซบ มาจากช่วงวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ในญี่ปุ่น ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจยิมแบรนด์ไรแซบ ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับตลาดบนที่เน้นบริการเทรนนิ่งออกกำลังกายเฉพาะส่วนบุคคล เนื่องจากทั้งประเทศปิดล็อก หลังจากนั้นพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นในวัยกลางคนและวันคนทำงานเปลี่ยนแปลงไปด้วยการทำงานที่บ้าน และเน้นเวลายืดหยุ่นในการทำงานมากกว่าอดีต ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากกว่าการออกกำลังกายคู่กับการประหยัดเวลางานบ้านบางประเภท
นายทาคายูกิ ซูซูกิ กรรมการผู้จัดการไรแซบ เทคโนโลยี ซึ่งเป็นอีก 1 บริษัทในเครือของกลุ่มไรแซบ กรุ๊ป อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ได้ปรับรูปแบบธุรกิจใหม่ด้วยการใช้กลยุทธ์ร้านสะดวกซื้อเข้าไปในธุรกิจยิมที่ขยายฐานลงสู่ตลาดแนวทั่วไป เช่น เปิดบริการทุกฟังกชั่นการใช้บริการในทุกสาขาทั้ง 24 ชั่วโมง ตั้งสาขาที่อยู่ในทำเลสะดวกสบายต่อการเดินทางของคนจำนวนมาก และสำคัญที่สุด คือ เปลี่ยนแปลงการนำเสนอต่างๆกับผู้ใช้บริการให้บ่อยๆ
โชโคแซบ จะเป็นสาขายิมที่มีพื้นที่ใช้งานขนาดเล็ก และไม่มีพนักงานประจำให้บริการหรือเฝ้าสาขา ทำให้แก้ปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจในญี่ปุ่นขาดแคลนแรงงานรุนแรงมากในทุกวันนี้ ที่สำคัญ สร้างความยืดหยุ่นในการโยกย้ายสาขาได้ง่ายในกรณีที่ทำเล หรือย่านนั้นๆเกิดการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ผู้ใช้บริการต้องใช้สมาร์ทโฟนที่มีแอปของยิมเพื่อการเข้า หรือออก เพื่อนัดหมายเวลาใช้บริการ เพื่อการชำระค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในสาขาในช่วงที่ใช้บริการ ส่วนการออกแบบตกแต่งสาขานั้นใช้โทนสีขาว และเหลือง เพื่อสื่อถึงยิมที่มีลักษณะเรียบง่ายสบายๆ เมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจยิมทั่วไปที่ใช้โทนสีร้อนจัด ซึ่งต่างกับโชโคแซบอย่างสิ้นเชิง
โชโคแซบ สามารถดำเนินกิจการจนกระทั่งสร้างผลกำไรรายเดือนเป็นผลสำเร็จเมื่อในช่วงปลายปี 2023 ผ่านมา จากนั้นคาดว่าจะสามารถมีกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่องได้ภายในปี 2024 นี้ ตั้งเป้าหมายที่จะขยายสาขาเพิ่มอีกจากปัจจุบันราว 1,500 สาขาให้เป็น 3,000 สาขาปี 2027 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า และเป้าหมายระยะยาว คือมีสาขามากถึง 10,000 แห่ง ไม่แตกต่างจากสาขาร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่น บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะขยายสาขาพร้อมเพิ่มเติมกับบริการใหม่ๆ รวมถึงการเปิดธุรกิจและสาขาของยิมแบรนด์ไซโคแซบในต่างประเทศเพิ่มมากกว่าปัจจุบันที่เปิดราวกว่า 10 แห่งในประเทศจีน และมีหนึ่งแห่งในซานตา มอนิก้า ที่สหรัฐ
ทั้งนี้ เมื่อโรคระบาดโควิด-19 กลายเป็นยุควิกฤตรุนแรงในประวัติศาสตร์ไปแล้ว กลุ่มคนญี่ปุ่นระดับบน หรือคนมีชื่อเสียงในวงสังคม ซึ่งมีกำลังซื้อสูงได้กลับมาใช้บริการยิมไรแซบ ซึ่งเป็นแบรนด์ยิมระดับหรูหรา ด้วยค่าบริการฝึกสอนที่สูงถึง 600,000 เยนต่อ 2 ปี หรือกว่า 135,000 บาทต่อ 2 ปี นอกเหนือจากค่าสมาชิกและอื่นๆ จึงทำให้บริษัทไรแซบ กรุ๊ป อินคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจและแบรนด์ยิมทั้ง 2 แบรนด์ มีขนาดมูลค่า 140,000 ล้านเยน หรือ 31,080 ล้านบาท