ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 42,330 จุด +17 จุด หรือ +0.04% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,762 จุด +24 จุด หรือ +0.42% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 18,189 จุด +69 จุด หรือ +0.38% ส่งผลดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่
ในเดือนกันยายน ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดขึ้น +2% ทำสถิติดีที่สุดในรอบ 11 ปี หรือตั้งแค่เดือนกันยายนปี 2011 เป็นต้นมา และยังปิดเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่จบไตรมาส 3 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดขึ้น +8.2%, +5.5% และ +2.6% ตามลำดับ ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดขึ้น +0.6%, +0.6% และ +1% ตามลำดับ
สาเหตุจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ เปิดเผยว่า เฟดไม่เร่งรีบที่จะลดดอกเบี้ยที่มีขนาดแรงเหมือนกับการลดครั้งแรกถึง
0.5% เมื่อวันที่ 18 กันยายนผ่านมา นอกจากนี้ ยังมั่นใจในทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐที่มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะภาวะเงินเฟ้อที่มุ่งหน้าเข้าสู่เป้าหมายของเฟด นักลงทุนยังมั่นใจในแนวโน้มการลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงไตรมาส 4 นี้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองสหรัฐอเมริกาเนื่องจากเหลือเวลาอีกราว 5 สัปดาห์ที่จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในวันศุกร์ ได้แก่ รายจ่ายส่วนบุคคลชาวอเมริกันเดือนสิงหาคม
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐอเมริกา พบว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐครั้งต่อไปวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ มีโอกาสที่ 59% จากเดิมที่ 61% ที่ดอกเบี้ยจะปรับลดลง 0.5% และมีโอกาสที่ 41% ที่ดอกเบี้ยจะปรับลง 0.25%