ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก เมื่อคืนวันที่ 1 ตุลาคม 2024 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,661.63 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +34.68 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.0% ในเดือนกันยายนผ่านไป ราคาทองคำ Gold Spot สร้างสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์รวม 8 ครั้ง โดยมีราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อยู่ที่ 2,662.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งเกิดขึ้นในคืนผ่านมา 26 กันยายน 2024 ในขณะที่มีราคาสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์แตะที่ระดับ 2,685.42 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 2,690.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +41.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.2% ในเดือนกันยายนผ่านไป ราคาทองคำ Gold Future สร้างสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์รวม 6 ครั้งในเดือนกันยายน สำหรับราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ยู่ที่ 2,695.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กันยายนผ่านมา และมีราคาสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ที่ 2,702.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
ในแง่ผลตอบแทน พบว่า ราคาทองคำจบไตรมาสที่ 3 พุ่งขึ้น +13% ทำสถิติราคาทองคำรายไตรมาสที่ดีที่สุดในรอบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2020 ขณะที่ราคาทองคำโลกพุ่งทะยานกว่า 28% นับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ผ่านไป นอกจากนี้ ราคาทองคำปีนี้มีแนวโน้มสูงที่จะให้ผลตอบแทนรายปีที่ดีที่สุดในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา
สาเหตุจากการโจมตีตอบโต้ของอิหร่านที่มีต่ออิสราเอลในคืนผ่านมา อิหร่านยิงขีปนาวุธจำนวนหลายร้อยกว่าชุดมายังประเทศอิสราเอลเพื่อเป็นการแก้แค้นที่ในสัปดาห์ผ่านมา อิสราเอลโจมตีหลายเป้าหมายในประเทศเลบานอนใส่กลุ่มฮิซบอเลาะห์ที่อิหร่านสนับสนุน ซึ่งทำให้ผู้นำสูงสุด และระดับผู้บัญชาการของกลุ่มดังกล่าวเสียชีวิตหลายคน ขณะที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวว่า อิสราเอลสามารถสกัดขีปนาวุธอิหร่านในหลายจุดตกในจอร์แดน และประกาศว่าอิหร่านจะต้องชดใช้อย่างเจ็บปวดกับการโจมตีในคืนผ่านมา
ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าพร้อมกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับลดลง เมื่อจันทร์ที่ 30 กันยายน นักลงทุนทำกำไรระยะสั้นต่อเนื่องหลังราคาทองคำเพิ่มสูงต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำร่วงหนักใน 1 วันมากสุดใน 4 สัปดาห์ผ่านมา หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ เปิดเผยว่า เฟดไม่เร่งรีบที่จะลดดอกเบี้ยที่มีขนาดแรงเหมือนกับการลดครั้งแรกถึง 0.5% เมื่อวันที่ 18 กันยายนผ่านมา นักลงทุนรอประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกันยายนในวันศุกร์นี้
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐอเมริกา พบว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐครั้งต่อไปวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ มีโอกาสที่ 56.7% จากเดิมที่ 63% ที่ดอกเบี้ยจะปรับลดลง 0.5% และมีโอกาสที่ 41% ที่ดอกเบี้ยจะปรับลง 0.25%