นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรในปี 67 คาดว่าจะอยู่ในช่วง -0.8 ถึง 0.2% เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่ทำให้เกิดความแห้งแล้งในช่วงครึ่งปีแรก และปรากฏการณ์ลานีญาในช่วงครึ่งปีหลังที่ทำให้เกิดอุทกภัย อย่างไรก็ตาม ปริมาณฝนที่มากขึ้น ยังส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของพืชในภาพรวม ประกอบกับการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ยกระดับสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพมาตรฐาน การบริหารจัดการน้ำ การเพิ่มช่องทางให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ข้อมูลเพื่อการวางแผน ตลอดจนการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ รวมถึงเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มขยายตัว โดยเฉพาะการบริโภคและการส่งออก ทำให้มีความต้องการสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงหลายประการ อาทิ ความแปรปรวนของสภาพอากาศ การระบาดของโรคและแมลง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อผลผลิต รวมถึงปัจจัยภายนอก ทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ และมาตรการกีดกันทางการค้าที่เข้มงวด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ของไทย
โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเดินหน้าขับเคลื่อนพัฒนาภาคเกษตรทั้งในระยะเร่งด่วน และระยะยาว มุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต และทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เพื่อให้ภาคเกษตรเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพต่อไป
สำหรับภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาส 3 ปี 67 (ก.ค.-ก.ย. 67) หดตัว 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 66 โดยการผลิตสินค้าเกษตรบางส่วนในไตรมาส 3 ได้รับผลกระทบจากเอลนีโญ ส่งผลให้ปริมาณฝนน้อย และอากาศแห้งแล้ง และยังได้รับผลกระทบลานีญาที่เกิดขึ้นในเดือนก.ย. 67 ทำให้มีมรสุมและฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ เกิดอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ทั้งนี้ ส่งผลให้สาขาพืชและสาขาบริการทางการเกษตร ยังคงหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2 เช่นเดียวกับสาขาประมง หดตัวเช่นเดียวกัน ขณะที่สาขาปศุสัตว์และสาขาป่าไม้ ยังขยายตัวได้