นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปัจจัยหนี้ครัวเรือนในเมืองไทย ต้องยอมรับว่า เป็นหนึ่งปัญหาที่น่าห่วงมาก เราไม่ค่อยเห็นสัญญาณ ในประวัติศาสตร์เราไม่ค่อยเห็นการเกิดหนี้จัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (Special Mention Loan: SM) ในกลุ่มรถยนต์จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 16% สะท้อนถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง. ที่ 0.25% เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการผ่อนเบรก ทั้งนี้ผลของการลดดอกเบี้ยจะส่งต่อไปยังภาคเศรษฐกิจและผ่อนปรนปัญหาลูกหนี้ได้อาจต้องใช้เวลา 6-12 เดือน
อย่างไรก็ตาม นายกอบศักดิ์ ระบุด้วยว่าธนาคารกรุงเทพ ยังคงแข็งแกร่ง โดยคาดว่าพอร์ตสินเชื่อในปี 2568 จะเติบโตประมาณ 3-4% ตามทิศทางของเศรษฐกิจไทย โดยการเติบโตหลักจะมาจากภาคเอกชนไทยที่ยังต้องการสินเชื่อในการลงทุน โดยเฉพาะการอัพเกรดเทคโนโลยีในภาคธุรกิจที่มีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปลี่ยนผ่านไปยังธุรกิจสีเขียวมากขึ้น และการสนับสนุนลูกค้าในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ
ส่วนการเติบโตในต่างประเทศ มองว่ายังเติบโตได้ดีมาก โดยเฉพาะธนาคารเพอร์มาตาเป็นบริษัทย่อยของธนาคารกรุงเทพ ในประเทศอินโดนีเซีย ที่มีการเติบโตได้ดี มีพอร์ตสินเชื่อเติบโตในช่วงที่ผ่านมามากกว่า 10% ซึ่งทิศทางของการเติบโตในอินโดนีเซีย ยังมีอีกมาก ทั้งการลงทุนภาครัฐที่มีต่อเนื่อง จากการต้องการขยายโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐาน และภาคเอกชนยังเดินหน้าลงทุนอีก
สำหรับความชัดเจนในเวอร์ชวลแบงก์ ประเมินว่า ธนาคารมีความมั่นใจว่าจะได้รับไลเซ่น โดยมองว่าธนาคารมีความพร้อมที่จะเข้าทำธุรกิจ ทั้งการมีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง และมีฐานลูกค้าจำนวนมาก ทั้งนี้ และเป็นโอกาสที่จะสร้างการเติบโตให้กับธนาคารในอนาคต