ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก เมื่อคืนวันที่ 31 ตุลาคม 2024 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,740.45 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -48.42 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -1.6% โดยมีราคาสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 2,790.15 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ส่งผลสถิติราคาส่งมอบทันที (Spot) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เกิดขึ้นรวมทั้งหมด 7 ครั้งในเดือนตุลาคม
สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 2,749.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -51.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -1.8% ส่งผลหยุดราคาปิดขึ้น 5 วันติดกัน +96.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +2.9% ขณะที่สถิติราคาทองคำล่วงหน้า (Future) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เกิดขึ้นรวมทั้งหมด 6 ครั้งในเดือนตุลาคม
สิ้นสุดเดือนตุลาคมผ่านไป ราคาทองคำโลกพุ่งขึ้น 4% และปิดเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาทองคำโลกพุ่งทะยานถึง +2.4% และนับตั้งแต่ต้นปีนี้ราคาทองคำพุ่งทะยานกว่า 32% ส่งผลให้มีความเป็นไปได้สูงมากที่ราคาทองคำในปี 2024 นี้ จะทำสถิติราคาพุ่งทะยานดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1979 หรือในรอบ 45 ปี
ด้านการวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค พบว่า ดัชนีค่าความแข็งแกร่งราคาทองคำเมื่อเปรียบเทียบ หรือ Relative Strength Index (RSI) อยู่ที่ระดับ 74 จุด หมายถึงราคาทองคำเข้าสู่ภาวะซื้อลงทุนมากเกินปัจจัยแท้จริง
สาเหตุจากนักลงทุนเริ่มทำกำไรช่วงสั้นอย่างชัดเจนหลังจากราคาทองคำทำสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์มาเกือบ 7 วันทำการ นอกจากนี้นักลงทุนจะเพิ่มความระมัดระวังอย่างเข้มข้น เนื่องจากในสัปดาห์หน้าจะมี 2 ปัจจัยสำคัญที่สุด ได้แก่ วันที่ 5 พฤศจิกายนเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งคะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นนำใน 6 รัฐที่มีความสูสี หรือรัฐสวิงจากทั้งหมด 7 รัฐสวิง ซึ่งก่อนหน้านี้นางกมลา แฮร์ริส มีคะแนนนิยมในรัฐสวิงนำถึง 5 รัฐจาก 7 รัฐสวิง นอกจากนี้ ผลสำรวจคะแนนนิยมในภาพรวมทั่วประเทศ พบว่า คะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อนางกมลา แฮร์ริส ขึ้นนำเป็นผลสำเร็จที่ 48% ต่อ 46% ตามลำดับ สำหรับปัจจัยที่ 2 คือ วันที่ 6-7 พฤศจิกายน เป็นการประชุมดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดการณ์ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอเลาะห์กลายเป็นเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐอเมริกา พบว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐครั้งต่อไปวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ มีโอกาสที่ 95% จากเดิมที่ 85% ที่ดอกเบี้ยจะปรับลดลง 0.25%