นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาท วันนี้ เปิดที่ระดับ 33.87 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 33.90 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.30-34.50 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.75-33.95 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในกรอบ 33.78-33.99 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเร็ว ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ในช่วงตลาดรับรู้รายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ซึ่งออกมาเพิ่มขึ้น +1.2 หมื่นราย น้อยกว่าที่ตลาดประเมินไว้ราว +1.0 แสนราย
อย่างไรก็ตาม เงินบาทก็พลิกกลับมาอ่อนค่าลงจนเกือบถึงโซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดประเมินว่า ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม อาจได้รับผลกระทบจากทั้งพายุเฮอริเคนและการประท้วงหยุดงานของ Boeing ทำให้ภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังไม่ได้ชะลอตัวลงหนักจนน่ากังวลมากนัก
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันจันทร์ เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับลดโอกาสที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยเฉพาะในส่วนของตลาดพนัน (Betting Markets) ที่ล่าสุดประเมินว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสชนะเพียง 54.6% (จาก Polymarket)
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทเสี่ยงผันผวนสูงจากช่วงก่อนหน้า และทิศทางจะขึ้นกับผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อนึ่ง เงินบาทก็อาจพอได้แรงหนุน หากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ และนอกเหนือจากทิศทางเงินดอลลาร์และราคาทองคำ ควรจับตาทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) และฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางเงินบาทได้เช่นกัน
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า ทิศทางเงินดอลลาร์ จะขึ้นกับผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นต่อบ้าง ในกรณีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง แต่อาจอ่อนค่าลงได้พอสมควร หาก กมลา แฮร์ริส คว้าชัยชนะ ตามการ Unwind Trump Trades ทั้งนี้ เงินดอลลาร์อาจเคลื่อนไหวไปตามมุมมองของตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของบรรดาธนาคารกลางหลักด้วยเช่นกัน โดยต้องรอลุ้นทั้งผลการประชุม BOE และ FOMC ของเฟด