นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นสักขีพยานพิธีลงนาม MOU การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคลและการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (CIB )ว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและพลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ลงนามความร่วมมือ ซึ่งการลงนามความร่วมในครั้ง เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาบัญชีม้านิติบุคคลตามขอบข่ายภารกิจของหน่วยงานที่จะนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุด สร้างความมั่นใจให้นิติบุคคลไทยและปิดวงจรมิจฉาชีพไม่ให้มีโอกาสมาหลอกคนไทยอีก โดยถือเป็นการเริ่มต้นที่สำคัญในการใช้อำนาจที่ต่างฝ่ายต่างมีอำนาจรัฐมาร่วมกันเพื่อป้องความเสียหายที่เกิดขึ้น ป้องปรามผู้กระทำความผิดที่มีความคิด วางแผน เตรียมการให้หยุดกระทำและปราบปรามผู้กระทำความผิด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายมากขึ้นเพื่อให้คนไทยนั้นอยู่ดีมีสุข
สำหรับปัญหานอมินี เป็นปัญหาที่รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญอย่างมากล่าสุดตนได้รับมอบหมายให้เป็นประธานอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลหรือนิติบุคคลที่อาจมีพฤติกรรมในการประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเป็นตัวเป็นตัวแทนอำพรางหรือนอมินีเพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
ปัจจุบันมิจฉาชีพได้เปลี่ยนวิธีการการหลอกลวงผู้เสียหาย โดยใช้วิธีจดทะเบียนนิติบุคคลและนำหลักฐานการจดทะเบียนนิติบุคคลไปเปิดบัญชีธนาคาร (บัญชีม้านิติบุคคล) และนำบัญชีม้านิติบุคคลนั้น มาใช้เป็นบัญชีรับเงินจากผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีการหลีกเลี่ยงการจดทะเบียนนิติบุคคลโดยการหลีกเลี่ยงกฎหมายการจดทะเบียนของคนต่างด้าว ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีบัญชีม้าที่เป็นนิติบุคคล 602 บัญชี สร้างมูลค่าความเสียหาย 680 ล้านบาท
สิ่งเหล่านี้รัฐบาลให้ความสำคัญและตระหนัก ความเสียหายเช่นนี้เกิดขึ้นกับคนไทย ที่ประกอบอาชีพสุจริต การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องร่วมมือกันโดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นจุดเริ่มต้นของการจดทะเบียนนิติบุคคลซึ่งสร้างความเชื่อถือให้กับบุคคลทั่วไปโดยเฉพาะบุคคลต่างประเทศก็ดีเพราะฉะนั้นจะต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลให้มีการจดทะเบียนที่รัดกุมขึ้น
“ผมได้กำชับให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งตรวจสอบนิติบุคคลที่มีความเสี่ยง พร้อมทำงานจดทะเบียนธุรกิจอย่างรัดกุมเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น และปิดโอกาสไม่ให้มิจฉาชีพนำความน่าเชื่อถือจากการจดทะเบียนนิติบุคคลมาใช้หลอกลวงประชาชนได้ และเร่งสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดได้ทันที”นายนภินทร กล่าว
ด้านพลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า ภายใต้ MOU ฉบับนี้กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลางจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในมิติที่ลึกขึ้นในการสืบสวนสอบสวนการเปิดบัญชีม้าในรูปแบบนิติบุคคล รวมทั้งในกรณีที่มีคนไทยรับจ้างเป็นนอมินีให้แก่คนต่างชาติเพื่อเอื้อในการทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายหรือหลบเลี่ยงกฎหมายของไทย ที่ปัจจุบันพบการทำความผิดและได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเพิ่มขึ้น ซึ่งการเชื่อมโยงข้อมูลจากกรมฯ จะทำให้การสืบสวนข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้ครบถ้วนขึ้น