ฉางอานหั่นราคารุ่น ดีพอล S07 ถูกลง 25% เกือบ 3 แสนบาท เคยลั่นไม่มีนโยบาย ไม่ใช้สงครามลดราคาเหมือนค่ายอื่น ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์

เฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า EV Gadget Review Car โพสต์ข้อความและรูปภาพเกี่ยวกับโปรโมชั่นลดราคารถไฟฟ้า หรือรถอีวีแบรนด์จีนของบริษัทฉางอาน ในรุ่น S07 จากราคาขายปกติที่คันละ 1.399 ล้านบาท ลงมาเหลือ 1.119 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาลดลงไปกว่า 280,000 บาท หรือลดลงกว่า -25%

ขณะที่ในช่วงก่อนหน้านี้ไม่นานนัก นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธาน บริษัท อีเทอนิตี้แอทวัน จำกัด ซึ่งหนึ่งในผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวียี่ห้อฉางอาน กล่าวว่า เรื่องที่ค่ายรถไฟฟ้าบางรายประกาศลดราคาคันละ 2-3 แสนบาทนั้น ฉางอานยืนยันว่าจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน เราไม่มีวันทำลายอีโคซิสเทมด้วยการลดราคาจำหน่าย ทำให้ลูกค้าซื้อรถไปก่อนหน้าเกิดความรู้สึกไม่ดีแน่นอน

ขณะที่เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซาท์อีสเอเชีย จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ดีพอล (Deepal S07) เป็นต้น กล่าวว่า Price War หรือ สงครามราคารถยนต์ไฟฟ้า ที่ผ่านมานั้น จะเห็นได้ว่าฉางอานไม่มีนโยบายเข้าร่วมการลดราคารถยนต์เลย และยืนยันที่จะใช้นโยบายราคาเดียว หรือ ONE PRICE เพราะเห็นว่าการเล่นสงครามราคาจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์และผู้บริโภค โดยจะเน้นเรื่องการจัดแคมเปญเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าของฉางอานได้ง่ายมากขึ้น

หลังจากโพสต์ข้อความและรูปภาพดังกล่าวแพร่กระจายในสื่อโซเชียล ทำให้มีชาวโซเชียลเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย เช่นในเฟสบุ๊กใช้ชื่อว่าในกลุ่ม “CHANGAN DEEPAL S07 THAILAND” ได้มีการแสดงความเห็นหลากหลาย เช่น “SO7 ถ้าราคาลงขนาดนี้ ไปร้องเรียนที่ สคบ. ได้ไหมครับ เพิ่งรับรถมาไม่ถึง 10 วัน”, “คิดว่า Deepal S07 จะมีโอกาสลงต่ำกว่าล้านไหมครับ“, “ผมกลัวเหลือเกินว่าจุดนึ่ง

ราคาจะลงต่ำกว่าล้าน แล้วมันจะทำให้คนอีกระดับนึงมาใช้รถของเรามากขึ้น จะทำให้ภาพลักษณ์ดูไม่ Luxury เหมือนที่เคยเป็นครับ”, “ที่ลดราคานี่เราจะได้รถใหม่หรือรถที่ค้างสต็อก” , “รถสวย รถดี จะลดราคาลดเกรดตัวเองทำไมคะ ทำแบบนี้ทำไม ขอเบอร์ สคบ ค่ะ”

ทั้งนี้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซาท์อีสเอเชีย จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ดีพอล อ้างว่าใน 1 ปีที่ผ่านมา ฉางอานมียอดขายเกินกว่า 8,000 คัน และส่งมอบแล้วเกือบ 6,000 คัน โดยเกือบ 5,000 คันเป็นรุ่นดีพอล S07 ทำให้ติดใน 10 อันดับแรกของตลาดรถประเภท SUV ทั้งหมด ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 2.6% และอันดับ 2 ในกลุ่ม C-SUV ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 21% นอกจากนี้ ยังครองอันดับ 1 ในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในช่วงราคาระหว่าง 1.3 ถึง 1.5 ล้านบาท พร้อมกันนี้เรายังได้จ่ายภาษีให้กับประเทศไทยเกือบ 1,200 ล้านบาท

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles