นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมอาจจะพิจารณาหารือกับกระทรวงพลังงานในเรื่องของการพิจารณาการผลิต น้ำมัน จากสูตร B7 เป็น B5 ในช่วงที่ปริมาณผลปาล์มมีไม่มาก และจะติดตามให้มีความสมดุลระหว่างผลผลิตและราคาต่อไป โดยล่าสุด กรมการค้าภายในได้เชิญสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองเพื่อติดตามสถานการณ์และกำกับดูแลสินค้าน้ำมันพืชบรรจุขวดอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยสมาคมฯ ยืนยันยังไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลือง เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนผู้บริโภคในช่วงที่น้ำมันปาล์มขวดมีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้นซึ่งน้ำมันถั่วเหลืองจะสามารถใช้ทดแทนน้ำมันปาล์มขวดได้สำหรับการบริโภคในครัวเรือนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการไม่ขึ้นราคาดังกล่าวจะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มขวดได้ในระดับหนึ่ง
นอกจากที่กรมได้ประชุมร่วมกับสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองไม่ให้ขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองแล้ว อยากเชิญชวนให้ผู้บริโภคมาบริโภคน้ำมันถั่วเหลืองเป็นทางเลือกทดแทนในครัวเรือน เนื่องจากตอนนี้ราคาน้ำมันถั่วเหลืองไม่สูงหากเทียบกับน้ำมันปาล์ม โดยคิดว่าจะสามารถมีจำหน่ายเพิ่มเติมได้ประมาณวันละ 150,000 ขวด
ทั้งนี้ กรมการค้าภายใน สั่งการพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายน้ำมันปาล์มขวดในห้างค้าส่ง-ค้าปลีก และห้างท้องถิ่นทั่วประเทศ สืบเนื่องจาก ห้างค้าส่ง/ค้าปลีก ได้ให้ความร่วมมือตรึงราคาน้ำมันพืชให้นานที่สุดและพร้อมจัดช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง
จากการสำรวจสถานการณ์การจำหน่ายน้ำมันปาล์ม ในห้างค้าปลีกค้าส่ง พบว่า สินค้ามีเพียงพอ ไม่มีขาด ส่วนใหญ่ปริมาณสต็อกราคาเก่าเฉลี่ยอยู่ได้ ประมาณ 7-10 วันบางห้างมีสต็อกราคาเก่าสามารถอยู่ได้ประมาณ 15-30 วัน และราคาน้ำมันปาล์มขวดในห้างค้าส่ง-ค้าปลีกและห้างท้องถิ่น ณ วันที่ 1 พ.ย. 2567 อยู่ที่เฉลี่ย 43-50 บาท/ขวดลิตร เช่น นครราชสีมา ราคา 46-49 บาท ศรีสะเกษ 43-48 บาท ชัยนาท 47 บาท เชียงใหม่ 44-48 บาท
ในส่วนของตลาดสดทั่วไป ราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มขวดอาจสูงกว่าในห้างทั่วไป เนื่องจากผู้ค้าบางรายอาจซื้อน้ำมันปาล์มขวดจากห้างค้าส่ง-ค้าปลีก มาจำหน่ายอีกต่อหนึ่งหรือสองต่อ ซึ่งได้ให้สำนักงานพาณิชย์ทุกจังหวัดติดตามราคาจำหน่ายอย่างใกล้ชิดเช่นกัน โดยจากการลงพื้นที่ของสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ณ วันที่ 1 พ.ย. 2567 อยู่ที่เฉลี่ย 45-55 บาท/ขวดลิตร เช่น เชียงใหม่ 47-50 บาท กาฬสินธ์ 48-55 บาท สุรินทร์ 50 บาท แพร่ 46-49 บาท ลำพูน 45-50 บาท
ส่วนการส่งออก กรมการค้าภายในได้ร่วมกับสมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ร่วมมืองดการส่งออกน้ำมันปาล์มรวมถึงบริหารจัดการสต็อกน้ำมันปาล์มให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคตลอดระยะเวลา 2 เดือนนี้ จึงขอเรียนแจ้งว่าประชาชนไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อน้ำมันปาล์มกักตุนเพราะผลผลิตปาล์มน้ำมันจะเข้าสู่ภาวะปกติ ตั้งแต่ ม.ค.2568 เป็นต้นไป และคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์มจะประชุมติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างใกล้ชิดทุกสัปดาห์ โดยปัจจุบันสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบตามระบบฐานข้อมูลมิเตอร์ปาล์ม อยู่ที่ 0.22 ล้านตันซึ่งยังอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อความต้องการใช้
โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา การจำหน่ายน้ำมันดีเซลในประเทศจะเหลือเพียง 2 ชนิด คือ น้ำมันดีเซล B7 หรือน้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 7% ในทุกลิตร ซึ่งจะเป็นน้ำมันดีเซลหลักในการจำหน่าย และน้ำมันดีเซล B20 หรือน้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 20% ในทุกลิตร อย่างไรก็ตาม น้ำมันดีเซลหมุนเร็วในปัจจุบันมีสัดส่วนผสมไบโอดีเซลอยู่ที่ 7% อยู่แล้ว โดยมีการใช้ไบโอดีเซลอยู่ที่ 4.33 ล้านลิตรต่อวัน และการใช้น้ำมันปาล์มอยู่ที่ 3.77 ล้านกิโลกรัมต่อวัน และคาดว่าในปี 2567 จะมีการใช้ไบโอดีเซล เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.66 ล้านลิตรต่อวัน และการใช้น้ำมันปาล์มจะอยู่ที่ 3.88 ล้านกิโลกรัมต่อวัน