โดนัลด์ ทรัมป์ เก็บ 301 เสียงคะแนนคณะผู้เลือกตั้งถล่มทลาย ชนะเลือกตั้งขึ้นว่าที่ปธน.สหรัฐคนที่ 47 เหลือเชื่อถึงขึ้นกวาด 7 รัฐสวิงสมบูรณ์แบบเป็นของรีพบับลิกัน

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ อายุ 78 ปี ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 และอดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 มีคะแนนรวมคณะผู้เลือกตั้ง หรือ Electoral Voters รวมสะสมแตะ 301 คะแนน ชนะนางกมลา แฮร์ริส ที่ได้คะแนนสะสมที่ 226 เสียง ขณะที่คะแนนเสียงจากการลงคะแนนของประชาชนผู้ไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ที่ 73,361,410 คะแนน หรือ 50.7% ส่วนนางกมลา แฮร์ริส ได้ 69,043,761 คะแนน หรือ 47.7% ทำให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 ชนะการเลือกตั้งขึ้นเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 อย่างเป็นทางการ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการกลับมาชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกในรอบกว่า 132 ปีที่สามารถกลับมาชนะได้หลังพลาดการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 เมื่อปี 2020 ในปี 1892 เป็นปีที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ นายโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ สามารถกลับมาชนะเลือกตั้งในวาระที่ 2 โดยทิ้งช่วงห่าง 1 สมัย 

สำหรับคะแนนในทั้ง 7 รัฐสวิงจนถึงวันนี้ 8 พฤศจิกายน 2024 ตามเวลาไทย มีการนับคะแนนไปแล้ว 99% ในทั้ง 7 รัฐสวิง พบว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้คะแนนชนะในทั้ง 7 รัฐสวิง ดังนี้ รัฐเพนซิลวาเนีย 50:48 รัฐจอร์เจีย 51:48 รัฐนอร์ท แคโรไลนา 51:48 รัฐมิชิแกน 50:48 รัฐแอริโซนา 52:27 รัฐวิสคอนซิน 50:49 และรัฐเนวาดา 51:47 

ขณะที่นายเจดี แวนซ์ ซึ่งลงชิงชัยในตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ คู่กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในครั้งนี้ ได้กลายเป็นว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐที่อยู่ในกลุ่มวัยมิลเลนเนียมในทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา 

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวฟ๊อกซ์นิวส์ (Fox News) เป็นสำนักข่าวในสหรัฐอเมริกาแห่งแรก ที่ประกาศว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 ได้รับการคาดการณ์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024 หรือคนที่ 47 

ขณะที่การเลือกตั้งวุฒิสมาชิก พบว่าพรรครีพลับลิกันได้จำนวนที่นั่ง 52 เสียงได้เพิ่มขึ้นมา 3 เสียง ต่อพรรคเดโมแครตที่ 44 เสียง เสียไป 3 คะแนนเสียง สอดคล้องกับจำนวนเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพลับลิกันอยู่ที่ 211 เสียง ได้เพิ่ม 1 เสียง ต่อพรรคเดโมแครตที่ 200 เสียง เสียไป 1 เสียง และการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐจากพรรครีพลับลิกันมีจำนวน 27 เสียงต่อพรรคเดโมแครตที่ 23 เสียง

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles