นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ด้วยมีซัพพลายเชนและแรงงานที่เกี่ยวข้องกว่า 7 แสนคน ดังนั้นการที่ยอดการผลิตและยอดขายรถยนต์ที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายจึงทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะรถกระบะที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของธุรกิจเอสเอ็มอี
ทั้งนี้ ตัวแทนภาคเอกชนโดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จึงได้เสนอให้มีมาตรการช่วยเหลือสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในสมุดปกขาวที่เสนอต่อนายกรัฐมนตรีไปแล้ว โดยให้มีการตั้งกองทุนมูลค่า 5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความเสี่ยงและส่งเสริมให้สถาบันการเงินพิจารณาปล่อยสินเชื่อรถกระบะได้เพิ่มขึ้นปีละ 1 แสนคัน โดยตั้งเป้าให้ยอดขายขยายตัวเพิ่มขึ้น ปีนี้เป็น 7 แสนคัน ปีถัดไปเป็น 8 แสนคัน โดยการตั้งกองทุนจะเป็นการสนับสนุนการซื้อรถกระบะประเภทที่ใช้งานเชิงพาณิชย์เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อการบริโภค ซึ่งนอกจากจะช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสการเติบโตเศรษฐกิจประเทศด้วย ยิ่งกลุ่มผู้ซื้อรถกระบะที่จะนำไปสร้างรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังคาดหวังว่าจะมีการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการและเกณฑ์ในการขอสินเชื่อรถยนต์อีกด้วย
กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การผลิตรถยนต์ 9 เดือน ระหว่าง ม.ค. – ก.ย.2567 มีจำนวนรวมรถยนต์ทุกประเภทอยู่ที่ 1.1 ล้านคัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีจำนวน 1.3 ล้านคัน ลดลง 18.62% ห่างจากเป้าหมายที่ ส.อ.ท.กำหนดไว้ในปีนี้จะผลิตรถยนต์จำนวน 1.7 ล้านคัน ดังนั้นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จึงมีความจำเป็นที่จะต้องหารือเพื่อปรับเป้าหมายดังกล่าวลง โดยคาดว่าจะมีการประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในช่วงปลายเดือนนี้ และในเดือน ต.ค.2567 จะมีตัวเลขเป้าหมายใหม่ออกมา โดยเบื้องต้นอาจจะปรับลดลงหลายหมื่นคัน หรือเฉียดแสนคัน ซึ่งเป็นการปรับยอดการผลิตทั้งในประเทศและส่งออก เนื่องจากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา การส่งออกรถยนต์ได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามตะวันออกกลางที่ขยายวงกว้าง ทำให้หลายประเทศคู่ค้ามียอดการขายภายในประเทศลดลง และระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนยอดขายภายในประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90% สถาบันทางการเงินปฏิเสธการให้สินเชื่อรถยนต์ 50 – 60% และยังไม่มีสัญญาณบวกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ถ้าเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น
ขณะเดียวกันการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อให้ผู้ซื้อรถยนต์เพราะหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (SM) ยังอยู่ในระดับที่สูงที่ 208,575 ล้านบาท หนี้เสียรถยนต์อยู่ที่ 259.330 ล้านบาท ในเดือนกรกฎาคม 2567 โดยยอดขายรถยนต์ภายในประเทศตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.ย. 2567 อยู่ที่ 438,659 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 25.25% เป็นยอดขายรถกระบะมีจำนวน 126,560 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว 39.35%