ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 43,910 จุด -382 จุด หรือ -0.86% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,983 จุด -17 จุด หรือ -0.29% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 19,281 จุด -17 จุด หรือ -0.09% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นนาสแดคปิดหลุดระดับที่ 44,000 จุด และ 6,000 จุด ตามลำดับ เป็นครั้งแรกในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา และยังหยุดดัชนีหุ้นนาสแดคปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ถึง 4 วันติดกัน
ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งปิด +4.61%, +4.66% และ +5.74% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดในสัปดาห์นี้ดีที่สุดในรอบ 1 ปี หรือตั้งแต่พฤศจิกายน 2023 เป็นต้นมา
สาเหตุจากนักลงทุนขายเพื่อทำกำไรเกิดขึ้นหลังจากดัชนีหุ้นปรับสูงขึ้นต่อเนื่องมาในช่วง 8 วันผ่านมา หรือนับตั้งแต่วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่ตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐอเมริกา พบว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐครั้งต่อไปวันที่ 17-18 ธันวาคมนี้ มีโอกาสที่ 60% ที่ดอกเบี้ยจะปรับลง 0.25%
นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภค และผู้ผลิตประจำเดือนตุลาคมที่จะประกาศในกลางสัปดาห์นี้ รวมถึงรอฟังมุมมองด้านดอกเบี้ยระยะสั้นของประธานธนาคารกลางสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ด้วย