นอร์ทโวลท์ เอบี (Northvolt AB) ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อดังในธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือรถอีวีจากประเทศสวีเดน เปิดเผยว่า กำลังเจรจาในขั้นตอนสุดท้ายสำหรับความเป็นไปได้ที่อาจจะประกาศภาวะล้มละลายในสหรัฐอเมริกา โดยการยื่นตามกฎหมายล้มละลายมาตรา 11 และร้องขอพิทักษ์ทรัพย์สินทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา
ในต้นสัปดาห์นี้ สำนักข่าวธุรกิจชื่อดังในสวีเดนชื่อว่า Dagens Industri รายงานว่าการเจรจาระหว่างนอร์ทโวลท์ เอบี เจ้าหนี้จำนวนมาก ผู้ถือหุ้น และลูกค้าทางธุรกิจ เพื่อหาทางออกในเรื่องวิกฤตสภาพคล่องนั้น ปรากฏว่าการเจรจาดังกล่าวหยุดลง และไม่มีความคืบหน้าใดๆ
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมผ่านมา นายปีเตอร์ คาร์ลสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ นอร์ทโวลท์ เอบี (Northvolt AB) ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อดังในธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือรถอีวีจากประเทศสวีเดน เปิดเผยว่า ได้เริ่มทยอยปลดพนักงานระดับบริหารออกเป็นจำนวนเกือบ 400 คนในโรงงานที่มีชื่อว่าสเกลเลฟที ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปลดพนักงานตามเป้าหมายรวมที่กำหนดว่าจะต้องมีพนักงานถูกปลดออก 1,000 คนในโรงงานแห่งนี้
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 23 กันยายนผ่านมานั้น นอร์ทโวลท์ เอบี ประกาศการปลดพนักงานครั้งใหญ่มีสัดส่วน 20% ที่ต้องตกงานจากพนักงานทั้งหมดในปัจจุบันส่งผลให้มีพนักงานในภาพรวม 1,600 คนจะต้องถูกปลดออก นอกจากนี้บริษัทดังกล่าวได้ประกาศยกเลิกแผนการลงทุนเพื่อที่จะขยายโรงงานผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นโรงงานหลักตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศสวีเดนด้วย
สาเหตุจากบริษัทนอร์ทโวลท์ เอบี ได้มีการเจรจาต่อรองโครงสร้างทางการเงินกับสถาบันการเงินและนักลงทุนย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาบริษัทได้รับเงินกู้เป็นจำนวน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 170,000 ล้านบาท ส่งผลให้ในครั้งนั้นบริษัทมีทั้งสินทรัพย์และหนี้สินในภาพรวมทั้งหมดมากกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 442,000 ล้านบาท โดยมูลค่าดังกล่าวทั้งหมดมีแผนที่จะลงทุนสร้างเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าสำหรับรถทีวีครอบคลุมในยุโรป
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ต้นปี 2024 นี้ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบว่าทำธุรกิจและตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต้องเผชิญกับภาวะความต้องการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ผลิตรถอีวีในประเทศจีน และที่สำคัญผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวให้ความสำคัญกับความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินของบริษัทที่จะต้องมีความมั่นคงในระยะยาว
ทั้งนี้ นายปีเตอร์ คาร์ลสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ กล่าวว่า บริษัทจะต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่าได้มีแผนปฏิบัติการที่ถูกต้อง และถูกช่วงเวลา ในการที่จะตอบสนองต่อปัจจัยลบต่างๆที่เกิดขึ้นในตลาดยานยนต์รวมไปถึงผลกระทบด้านบรรยากาศในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังชะลอตัวอย่างชัดเจน โดยจำนวนพนักงานที่ต้องตกงานทั้งหมด 1,600 คน จะประกอบไปด้วยการพนักงานออกถึง 3 โรงงานด้วยกันได้แก่ โรงงานที่มีชื่อว่าสเกลเลฟที จะมีพนักงานถูกปลดออก 1,000 คน โรงงานวาสทีราส จะมีพนักงานถูกปลดออก 400 คน และโรงงานในสต็อกโฮล์ม จะมีพนักงานถูกปลดออก 200 คน