นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไตรมาส 3/67 ขยายตัว 3.0% จากตลาดคาด 2.4-2.7% และเร่งขึ้นจาก 2.2% ในไตรมาส 2/67 ปัจจัยหลักมาจากการผลิตภาคนอกเกษตรที่ขยายตัวเร่งขึ้นตามการขยายตัวของกลุ่มบริการ และการลงทุนภาครัฐเร่งขึ้น 25.9% จากการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน
โดยสภาพัฒน์ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 68 คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.3-3.3% (ค่ากลาง 3.0%) ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากปี 67 ทั้งนี้ มองว่าการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญในปีหน้าคือการผลักดันให้ภาคส่งออกเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเตรียมพร้อมรับมือกับมาตรการกีดกันทางการค้า จากผลของนโยบายการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ นอกจากนี้ต้องขับเคลื่อนการลงทุนโดยเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า รวมทั้งต้องเร่งรัดเบิกจ่ายลงทุน และทำแผนการลงทุนเพิ่มเติม เพื่อช่วยกระตุ้นภาคการผลิตของไทย โดยเฉพาะภาคการก่อสร้าง ตลอดจนการผลิตภาคอุตสาหกรรม
พร้อมกันนี้ ยังมองว่าสถานการณ์หนี้ครัวเรือนปี 68 จะยังคงอยู่ในระดับสูง ดังนั้นต้องรอดูว่ามาตรการแก้หนี้ที่กำลังจะออกมานี้ จะมีประสิทธิผลมากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ตามหนี้ครัวเรือนปีหน้า มองว่ายังอยู่ในระดับสูง หนี้ครัวเรือนเมื่อเกิดขึ้นแล้วมันลดยาก ต้องรอดูมาตรการแก้หนี้ที่กำลังจะออกมาว่าจะ effective มากน้อยเพียงใด” นายดนุชา ระบุ
ทั้งนี้ สภาพัฒน์ประเมินว่าในปี 68 การส่งออกขยายตัว 2.6% ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.6% ต่อ GDP, อัตราเงินเฟ้อ 0.3-1.3%, การลงทุนภาครัฐขยายตัว 6.5%, การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 2.8%, การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 3.0%, นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 38 ล้านคน, อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท เฉลี่ย 34.50-35.50 บาท/ดอลลาร์, ราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ย 75-85 ดอลลาร์/บาร์เรล