ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 20 พฤศจิกายน 2024 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 68.87 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.75% ทำให้หยุดราคาปิดขึ้น 2 วันติดกันรวม +2.37 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.15% ในสัปดาห์ผ่านไปราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ลดลง -5%
ขณะที่เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ทำสถิติราคาดำดิ่งรายวันที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 2 ปี 3 เดือน หรือตั้งแต่ 12 กรกฎาคม 2022 เป็นต้นมา ซึ่งในวันดังกล่าวมีราคาดำดิ่งเหวมากถึง -7.93% ส่งผลมีราคาปิดต่ำสุดในรอบ 28 วัน หรือตั้งแต่ 1 ตุลาคมเป็นต้นมา ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 72.81 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.68% ทำให้หยุดราคาปิดขึ้น 2 วันติดกันรวม +2.27 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.15% ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ลดลง -4%
สาเหตุจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินรายสัปดาห์ในสหรัฐเพิ่มสูงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่แหล่งขุดเจาะน้ำมันดิบใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปมีชื่อว่าโจฮัน สเวอร์ดรัพ ซึ่งอยู่ในทะเลนอกชายฝั่งของประเทศนอร์เวย์ เริ่มทยอยกลับมาขุดเจาะน้ำมันดิบได้บางส่วน หลังจากต้นสัปดาห์นี้เกิดปัญหากระแสไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างและกินเวลานานหลายวัน สำหรับกำลังการขุดเจาะและผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งโจฮัน สเวอร์ดรัพ ถูกคาดการณ์ว่าสามารถผลิตได้สูงสุดถึง 755,000 บาร์เรลต่อวันภายในปี 2025 เป็นต้นไป สอดรับกับแหล่งขุดเจาะน้ำมันดิบเทนกิส ซึ่งใหญ่ที่สุดในประเทศคาซัคสถานได้ลดกำลังการขุดเจาะน้ำมันดิบลง 28-30% จากภาวะปกติ เนื่องจากเป็นช่วงซ่อมแซมบำรุงรักษาตามระยะเวลา ซึ่งจะเสร็จสิ้นในอีก 1 สัปดาห์
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ โดยขึ้นราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 30 สตางค์/ลิตร นับเป็นการขึ้นราคาน้ำมันครั้งแรกในรอบ 7 วันผ่านมา ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันที่สูงสุดในรอบ 14 วัน หรือตั้งแต่ 7 พฤศจิกายนผ่านมา