นายเคอิจิ โอตสึ ประธานสายงายวิจัยและพัฒนา ฮอนด้า มอเตอร์ ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า โครงการนำร่องผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าแบบโซลิด-สเตท เพื่อใช้สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี 100% นั้น ภายในสิ้นปี 2029 นี้ แบตเตอรี่ไฟฟ้าดังกล่าวจะสามารถเพิ่มระยะทางขับได้ไกลมากขึ้นถึง 2 เท่าของแบตเตอรี่ไฟฟ้าประเภทลิเธียมที่ใช้ในรถอีวีปัจจุบัน และจะขยายระยะทางขับได้ไกลขึ้นอีกกว่า 2.5 เท่าเมื่อถึงภายในปี 2040
นอกจากนี้ ภายใน 5 ปีจากนี้ไป การผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าประเภทโซลิด-สเตท จะสามารถลดขนาดของแบตเตอรี่ได้มากถึง 50% หรือครึ่งหนึ่งของขนาดแบตเตอรี่ไฟฟ้าที่ใช้ในรถอีวีปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังสามารถลดน้ำหนักของแบตเตอรี่ไฟฟ้าได้มากถึง 35% ของน้ำหนักรวมในแบตเตอรี่ไฟฟ้า ที่สำคัญ สามารถลดต้นทุนในการผลิตได้ถึง 20% ของต้นทุนผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าในทุกวันนี้
โรงงานนำร่องผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าแบบโซลิด-สเตท ตั้งอยู่ที่เมืองโตชิงิ ทางภาคเหนือประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกมในยุครถอีวี ฮอนด้า มอเตอร์ ได้ลงทุนในโครงการนี้ด้วยงบประมาณ 43,000 ล้านเยน หรือ 277 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 9,675 ล้านบาท ในเงินลงทุนดังกล่าวมีอยู่ราว 50% เป็นการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลญี่ปุ่น
ฮอนด้า มอเตอร์ จะเริ่มเปิดสายการผลิตแบตเตอรี่ประเภทโซลิด-สเตท ที่โรงงานแห่งนี้ในเดือนมกราคม 2025 ด้วยประสิทธิภาพของกำลังการผลิต และเทคโนโลยีในการพัฒนาแบตเตอรี่ไฟฟ้าประเภทนี้ ทำให้ฮอนด้า มอเตอร์ มีแผนที่เพิ่มกำลังการผลิตรถอีวีเป็นปีละกว่า 2 ล้านคันภายในปี 2030 นอกจากนี้ ยังกำหนดเป้าหมายยอดขายทั่วโลกในปี 2030 อยู่ที่ 40% เป็นทั้งรถอีวีหรือไฟฟ้า 100% และรถฟิวเซลล์ เมื่อถึงปี 2040 สัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มเป็น 100%