ทุนอุตสาหกรรมจีนชี้ราคาที่ดินตั้งโรงงานในไทยพุ่งแพง 50% คุณภาพแรงงานยันฝีมือบริหารโรงงานของคนไทยยังเป็นอุปสรรค ส่งทีมคนจีนเข้าทำงานช่วงแรก หวังลดต้นทุนในไทยสูงถึง 2 หลักเทียบในจีน

ทุนอุตสาหกรรมจีนชี้ ราคาที่ดิน ตั้ง โรงงาน ในไทยพุ่งแพง 50% คุณภาพแรงงานยันฝีมือบริหารโรงงานของคนไทยยังเป็นอุปสรรค ส่งทีมคนจีนเข้าทำงานช่วงแรก หวังลดต้นทุนในไทยสูงถึง 2 หลักเทียบในจีน

นายหลิว เหลียง ประธานบริษัทเวลลี่ อิเล็กทริคอล แอพพลายแอนซ์ (Welly Eletrical Appliances) ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องซักผ้า เตาไมโครเวฟ และเครื่องทำไอศครีม โดยมีโรงงานผลิตอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เปิดเผยกับอี้ข่าย(Yicai) สำนักข่าวด้านเศรษฐกิจชื่อดังของประเทศจีน ว่า กระแสการลงทุนทางตรง หรือเอฟดีไอของต่างประเทศที่เข้าไปในประเทศไทย ส่งผลให้ราคาที่ดิน และต้นทุนการตั้งโรงงาน พุ่งสูงถึง 50% ในช่วง 8 เดือนผ่านมา สวนอุตสาหกรรม หรือนิคมอุตสาหกรรมในไทย ซึ่งได้นำเสนอสิทธิประโยชน์การส่งออกนั้น ปรากฏว่าในปัจจุบันมีพื้นที่น้อยกว่าความต้องการของผู้ประกอบการต่างชาติ

นายหลิว เปิดเผยต่อไปว่า ไม่เพียงแค่ปัจจัยราคาที่ดินในประเทศไทยที่พุ่งสูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนเกิดตามมาด้วย ท่ามกลางค่าจ้างแรงงานในไทยทุกวันนี้คิดเป็น 50% ของค่าจ้างแรงงานในประเทศจีนก็ตาม แต่ประสิทธิภาพของแรงงานฝีมือ และประสิทธิภาพของพนักงานระดับบริหารโรงงาน มีความแตกต่างมากกับคุณภาพแรงงานและพนักงานระดับบริหารโรงงานในประเทศจีน นอกจากนี้ ประเทศจีนมีเครือข่ายการผลิตของซัพพลายเออร์ที่มีประสิทธิภาพ และเติบโตด้วยความเป็นมืออาชีพด้วย

ดังนั้น ภายในปีแรกของการเปิดโรงงานผลิตเครื่องผลิตไอศครีมในประเทศไทยของเวลลี่ จะมีต้นทุนสูงถึง 10% ในการผลิตเมื่อเปรียบเทียบการผลิตในโรงงานของเวลลี่ที่อยู่ในประเทศจีน ทำให้ฝ่ายบริหารระดับสูงต้องส่งพนักงานระดับสำคัญจำนวน 20 คนที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงด้านการผลิต ด้านเทคโนโลยี ด้านการเงิน และด้านการบริหารจัดการ มาทำงานที่โรงในประเทศไทยเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพต้นทุนการผลิต และให้เกิดความมั่นใจด้านคุณภาพสินค้าที่จะส่งออก จากการคาดการณ์ คงต้องใช้เวลา 2-3 ปี ที่จะลดความแตกต่างของต้นทุนการผลิตในไทยที่มีสูงกว่าในจีนให้แคบลงเหลือความแตกต่างเพียง 2-3%

เวลลี่ ซึ่งมียอดขายในปี 2023 เป็นมูลค่า 3,500 ล้านหยวน หรือ 483.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 16,915 ล้านบาท โดย 90% ของสินค้าที่ผลิตล้วนส่งออกไปตลาดต่างประเทศนั้น ได้ลงทุนตั้งโรงงานผลิตเครื่องผลิตไอศครีมตามความต้องการของลูกค้าในสหรัฐอเมริกาในประเทศไทยมีมูลค่า 150 ล้านหยวน หรือ 20.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 716 ล้านบาท

สาเหตุที่ต้องลงทุนตั้งโรงงานผลิตเครื่องผลิตไอศครีมนอกประเทศจีน เป็นผลมาจากนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ในขณะนี้เครื่องผลิตน้ำแข็ง และเครื่องผลิตไอศครีมถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% แต่ในอนาคตภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 อัตราภาษีดังกล่าวจะปรับขึ้นอีก 35% เป็น 60%

นายลี่ ลี่จง ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท ยิวลี่ อิเล็กทริคอล (Yueli Electrical) ซึ่งเป็นบริษัทในธุรกิจผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทดูแลสุขภาพและความงาม เช่น ไดร์เป่าผม เครื่องโกนหนวดไฟฟ้า ส่งออกไปยังตลาดในสหรัฐและยุโรป โดยมีโรงงานผลิตในมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน เปิดเผยว่า การลงทุนตั้งโรงงานผลิตสินค้าของบริษัทใน 2 ประเทศชั้นนำในอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม และไทย อาจไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป และมีอุปสรรคเพิ่มขึ้น ถึงแม้สหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศนโยบายกีดกันการค้าด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน 60% และขึ้น 10% จากสินค้าของประเทศอื่นๆที่ไม่ใช่จีน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นโอกาสของทั้งเวียดนาม และไทย

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles