ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 27 พฤศจิกายน 2024 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 68.72 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.05 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.01% ส่งผลราคาปิดลง 3 วันติดกันรวม -2.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.49% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 72.83 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.1% ส่งผลหยุดราคาปิดลง 2 วันติดกันรวม -2.36 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.14% ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดสำคัญปรับเพิ่มสูงขึ้น +6% นับเป็นราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่สูงที่สุดในรอบ 17 วัน หรือตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายนผ่านมา
สาเหตุจากนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเบนจามิน เนทันยาฮู และผู้นำสูงสุดของกลุ่มฮิสบอเลาะห์ในเลาบานอนเห็นชอบให้มีการหยุดยิง โดยให้มีผลในวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน เวลา 24.00 น. ซึ่งตรงกับเวลา 9.00 น. ตามเวลาไทย ด้านคณะรัฐมนตรีอิสราเอลลงมติเห็นชอบกับข้อเสนอหยุดยิงดังกล่าว
ขณะที่สำนักพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่า ในปี 2025 จะเกิดภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดราว 1 ล้านบาร์เรล ถึงแม้ว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่องก็ตาม สาเหตุมาจากสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบมากขึ้นจากนโยบายด้านพลังงานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เน้นการผลิตพลังงานจากฟอสซิล
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ โดยขึ้นราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 40 สตางค์/ลิตร นับเป็นการขึ้นราคาน้ำมันครั้งที่ 2 ต่อเนื่องในรอบ 7 วันผ่านมา ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันที่สูงสุดในรอบ 3 เดือน หรือตั้งแต่ 23 สิงหาคมผ่านมา