เดลล์ ออโร่ กรุ๊ป เป็นสำนักวิจัยด้านเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า คลื่นการลงทุนศูนย์ข้อมูล หรือดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลกในปี 2025 จะพุ่งสูงทะยานรวมกันมากกว่า 50% ของเงินลงทุนในโครงการส่งมนุษย์อวกาศไปสำรวจดวงจันทร์ โดยจะมีเม็ดเงินลงทุนศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้น 30% จากในปีนี้ ส่งผลให้เงินลงทุนรวมกันทั่วโลกในปี 2025 อยู่ที่ 463,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 15.90 ล้านล้านบาท
เม็ดเงินลงทุนดังกล่าวที่คาดการณ์ไว้ในปี 2025 กลายเป็นเม็ดจะลงทุนที่มากกว่าโครงการอวกาศของประเทศชั้นนำที่ส่งมนุษย์อวกาศไปลงยังดวงจันทร์ในช่วงปี 1960 ถึง 1973 ที่มีมูลค่า 318,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อคิดเป็นมูลค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน หรือกว่า 10.91 ล้านล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้บริษัทชั้นนำทั่วโลกตัดสินใจลงทุนเม็ดเงินมหาสารด้วยการสร้างศูนย์ดาต้า (Data Center) เป็นจำนวนมากมาย เป็นผลมาจากความต้องการใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบประมวลผล หรือ Generative AI เช่น อเมซอน อินคอร์อเรชั่น ประกาศตั้งอเมซอน โนวา ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจการใช้งานข้อมูลร่วมกับศูนย์ข้อมูลบนเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งมีราคาถูกกว่าคู่แข่งถึง 75% ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมโอเพ่น เอไอ (Open AI) จากค่ายแชทจีพีที หรือเจมีนาย (Gemini) จากค่ายกูเกิ้ล สำหรับมูลค่าเงินลงทุนศูนย์ข้อมูลราว 50% หรือครึ่งหนึ่งในปี 2025 ถูกคาดการณ์ว่าจะมาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลก ได้แก่ อเมซอน อัลฟาเบธ (กูเกิ้ล) ไมโครซอฟท์ เมตา (เฟซบุ๊ก)
ดังนั้น เอ็นวีเดีย ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ผลิตไมโครชิพประมวลผลสำหรับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงมากถึง 90% ของตลาดไมโครชิพประมวลผลสำหรับเทคโนโลยีเอไอ จะเป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์อย่างมหาศาล สะท้อนจากกำไรโดยรวมของบริษัทเอ็นวีเดีย พุ่งสูงขึ้นถึง 70% เนื่องจากความต้องการ อย่างมากมายได้ส่งผลให้ราคาไมโครชิพดังกล่าวมีราคาถีบตัวสูงขึ้นอย่างมาก
