นายจอห์น ลาฟอร์จ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินทรัพย์ ธนาคารเวลล์ส ฟาร์โก ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารยักษ์ใหญ่และชื่อดังระดับโลกในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ความต้องการในการลงทุนตลาดทองคำอาจจะเผชิญกับอุปสรรคในปี 2025 เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 นายโดนัลด์ ทรัมป์จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวจากภาวะชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปเข้าสู่รอบการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะลดความถี่ในการลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในปีหน้า
ภายในปี 2025 นักลงทุนควรจะมีการปรับและขยายสินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนให้กว้างขวางมากขึ้น โดยเฉพาะกลยุทธ์การลงทุนที่เรียกว่าดรัมเบลล์ สำหรับกลยุทธ์นี้เป็นการลงทุนเฉลี่ยน้ำหนักระหว่างสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบและทองคำ
หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินทรัพย์ ธนาคารเวลล์ส ฟาร์โก เปิดเผยต่อไปว่า ในแง่แนวโน้มราคาทองคำภายในปี 2025 นั้น คาดการณ์ว่าเมื่อถึงช่วงสิ้นปีหน้าจะอยู่ระหว่าง 2,800 ถึง 2,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์ก สหรัฐ หรือไนเม็กซ์ จะมีราคาอยู่ระหว่าง 85 ถึง 95 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในช่วงระยะเวลาเดียวกัน
เมื่อพูดถึงความถี่ หรือจำนวนครั้งในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดในปี 2025 นายจอห์น ลาฟอร์จ เปิดเผยว่าเฟดอาจลดจำนวนการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวลงเหลือเพียงแค่ 1 ครั้งจากก่อนหน้านี้ที่มองว่าจะมีการปรับลดอย่างน้อย 3-4 ครั้ง ท่ามกลางแนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐจะหวนคืนกลับทะยานสูงขึ้นเหนือ 3%
นายจอห์น ลาฟอร์จ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินทรัพย์ ธนาคารเวลล์ส ฟาร์โก กล่าวถึงปัจจัยบวกความต้องการทองคำของธนาคารกลางว่า ในปี 2025 ความต้องการซื้อทองคำเข้าสะสมในทุนสำรองระหว่างประเทศจะเห็นได้ชัดเจน และมากขึ้นจากธนาคารกลางในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ทั่วโลก รวมถึงผู้บริโภคและนักลงทุนทองคำที่ต้องการจะปกป้องมูลค่าและปิดความเสี่ยงจากภาวะการก่อหนี้ผู้สูงขึ้น จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกที่จะผลักดันราคาทองคำในตลาดโลกระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 จะยังคงเป็นรอบขาขึ้นครั้งใหญ่เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน หรือที่เรียกว่าซุปเปอร์ไซเคิลของการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ในภาพรวม ถึงแม้ว่าในช่วงระยะสั้นนั้น พอร์ตสินค้าโภคภัณฑ์ในภาพรวมจะมีผลตอบแทนไม่ราบรื่นก็ตาม แต่หากมองในระยะยาวจะพบว่าความต้องการในการลงทุนจะมีมากกว่า ซึ่งกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแรงในการสนับสนุนผลตอบแทนจากการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะยาวของปี 2025 ด้านนางเทรซี่ แม็คมิแลน หัวหน้าการจัดสินทรัพย์ลงทุนทั่วโลก ธนาคารเวลล์ส ฟาร์โก เปิดเผยว่า ธนาคารชื่นชอบการให้น้ำหนักลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์มาเป็นเครื่องมือประกันความเสี่ยงกับเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงสูงในปี 2025 เช่น ให้น้ำหนักการลงทุนในพอร์ตสินค้าโภคภัณฑ์มากกว่าการลงทุนในค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในระยะยาว