ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก รายงานว่า วันที่ 18 ธันวาคม 2024 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,589.91 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -64.36 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.1% ทำให้เป็นราคาทองคำปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน หรือในรอบ 1 เดือนผ่านมา และส่งผลทองคำปิดลง 2 วันติดกันรวม -73.79 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.4% ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาทองคำปิดขึ้น 0.8% ในเดือนพฤศจิกายนผ่านไป ราคาทองคำร่วงกว่า -3% ทำสถิติราคาทองคำที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 1 ปี 2 เดือน หรือตั้งแต่กันยายนปี 2023 เป็นต้นมา
สำหรับราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Spot สูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 2,790.15 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ทำสถิติราคาส่งมอบทันที (Spot) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เกิดขึ้นรวมทั้งหมด 7 ครั้งในเดือนตุลาคม
สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 2,653.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -7.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.3% ส่งผลทองคำปิดลง 5 วันติดกันรวม -103.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -3.6% ในเดือนตุลาคมที่ผ่านไป ทำสถิติราคาทองคำล่วงหน้า (Future) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เกิดขึ้นรวมทั้งหมด 6 ครั้ง โดยมีราคาล่วงหน้า (Future) สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 2,800.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2024
สาเหตุจากธนาคารสหรัฐอเมริกามีมติลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงตามคาด 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50% แต่มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 11 ต่อ 1 เสียง ซึ่ง 1 เสียงนั้น ลงมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม นอกจากนี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ แถลงว่าเฟดต้องการเห็นความคืบหน้าของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่จะต้องปรับลดลงเข้าสู่เป้าหมาย อย่างไรก็ตาม เฟดจะพิจารณาด้วยความระมัดระวังในการผ่อนคลายดอกเบี้ยระยะสั้นในปี 2025
นอกจากนี้ เฟดได้เปิดเผยการคาดการณ์แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นในปี 2025 จะมีจำนวนครั้งลดลงเหลือเพียง 2 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงอย่างน้อย 3 ครั้ง ที่สำคัญ จำนวนครั้งที่คาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง ทำให้เป็นไปได้สูงว่าเฟดจะไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้รวมกันลงถึง 1.00% จากเดิมที่เคยคาดการณ์เมื่อเดือนกันยายนปีนี้ เนื่องจากมุมมองของกรรมการส่วนใหญ่ในคณะกรรมการนโยบายการเงินล้วนประเมินว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะกลับมาเพิ่มขึ้นในปีหน้า หากเป็นตามที่ประเมินไว้จริง จะมีผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสหรัฐต้องเพิ่มขึ้นและทรงตัวนานขึ้น ขณะที่เฟดประเมินว่สในปี 2025 อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะอยู่ที่ระดับ 3.75-4.00% และคาดว่าในปี 2026 จะอยู่ที่ระดับ 3.40% ด้วยการปรับลดลง 0.5% นอกจากนี้ มุมมองของแต่ละกรรมการของเฟด เปิดเผยว่า มี 10 จาก 19 รายที่ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะอยู่ที่ระดับ 3.90% ในสิ้นปี 2025 โดยมีกรรมการ 4 ราย ประเมินว่าต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย และมี 5 รายคาดว่าต้องลดดอกเบี้ย