เงินบาท อ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด หนุนเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ปรับขึ้น กดดันทองลง

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทวันนี้ เปิดที่ระดับ 34.57 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ที่ระดับ 34.48 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.45-34.70 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท(USDTHB) พลิกกลับมาอ่อนค่าลง ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 34.41-34.58 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าในช่วงแรกเงินบาทจะทยอยแข็งค่าขึ้น ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD)

แนวโน้มค่าเงินบาท แม้ว่าในช่วงวันก่อนหน้า เงินบาทจะมีจังหวะแข็งค่าหลุดโซนแนวรับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่เราประเมินไว้ ตามอานิสงส์ของแรงซื้อหุ้นไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติและแรงขายเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้ส่งออกบางส่วน ทว่า เงินบาทยังมีความเสี่ยงที่จะทยอยอ่อนค่าลงบ้าง หลังโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์มีกำลังมากขึ้นอีกครั้ง จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดในคืนที่ผ่านมา ทำให้เราคงมุมมองเดิมก่อนว่า เงินบาทมีความเสี่ยงที่จะทยอยอ่อนค่าลงต่อทดสอบโซนแนวต้านถัดไป 34.80 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านสำคัญถัดไป 35.00 บาทต่อดอลลาร์) ได้ อย่างไรก็ดี เงินบาทจะสามารถอ่อนค่าถึงโซนดังกล่าวได้หรือไม่นั้น อาจจะขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในคืนนี้ และรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด ในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ ราว 2.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

โดยในกรณีที่ ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ล้วนออกมาดีกว่าคาด อีกทั้ง รายงานการประชุม FOMC ของเฟดล่าสุด ก็สะท้อนความกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ จากความไม่แน่นอนของนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 ก็อาจยิ่งหนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง ตามการปรับลดโอกาสที่เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ในปีนี้

ด้านกลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-34.70 บาท/ดอลลาร์ โดยมองค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยวานนี้ แต่กลับมาอ่อนค่าช่วงข้ามคืน หลังเลขการเปิดรับตำแหน่งงานใหม่สหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาดจากธุรกิจในภาคบริการ อีกทั้ง ISM ภาคบริการออกมาที่ 54.1 สูงกว่าคาดเช่นกัน ทำให้นักลงทุนมองธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยช้าลง

เงินเฟ้อยุโรปธันวาคมออกมาที่ 2.4%YOY สูงขึ้นจากเดือนก่อน แต่เท่ากับที่ตลาดคาด โดยเป็นผลจากราคาพลังงานที่เร่งตัวขึ้น ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เตรียมที่จะขึ้นภาษีนำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโกยุโรป รวมถึงจะสนับสนุนอิสราเอล

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles