นายโธมัส โนเอตเซล นักวิเคราะห์อาวุโสของบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ ซึ่งเป็นสายงานวิจัยชื่อดังของบลูมเบิร์ก เปิดเผยว่าใน 3-5 ปีข้างหน้า ธนาคารจะลดจำนวนพนักงานลง ประกอบไปด้วย หน่วยงานส่วนกลาง หน่วยงานปฏิบัติการมีความเสี่ยงสูงสุด หน่วยงานสนับสนุน ด้านฝ่ายบริการลูกค้าจะได้รับผลการลดพนักงานลงเช่นกัน ได้แก่ การทำความรู้จักลูกค้า (Know Your Customer) ซึ่งเป็นกระบวนการพิสูจน์ตัวตนลูกค้า เพื่อป้องกันการทุจริตหรือปลอมแปลงข้อมูลในการทำธุรกรรมทางการเงิน
เนื่องจากธนาคารเตรียมนำปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ เข้ามาใช้งานทั้งทดแทนงานเดิม และสนับสนุนงานในปัจจุบัน โดยงานในองคกรณ์ที่มีลักษณะเป็นงานประจำ การทำซ้ำ ล้วนตกอยู่ในความเสี่ยงทั้งนั้น
การนำเทคโนโลยีเอไอเข้ามาในวงการธนาคารยังทำให้เกิดการปลี่ยนแปลงด้านผลการดำเนินงานด้วย คาดการณ์ในปี 2027 ประสิทธิภาพของเอไอจะช่วยเพิ่มทั้งและสิทธิภาพ และประสิทธิผล ทำให้ธนาคารมีกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 12% ถึง 17% จนมีกำไรสุทธิสูงถึง 180,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6.2 ล้านล้านบาท ซึ่ง 80% ของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่าในอีก 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า กลุ่มคนพนักงานเจนเนเรชั่นเอไอ (Gen AI) จะช่วยเพิ่มผลิตภาพและรายได้อย่างน้อย 5%
ทั้งนี้ ธนาคารซิตี้กรุ๊ป เปิดเผยว่าเทคโนโลยีเอไอจะแทนตำแหน่งงานในภาคธนาคารมากกว่าภาคอุตสาหกรรมใดๆ โดยงานประมาณ 54% จะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ