นายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประชาสัมพันธ์และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า เทศกาลตรุษจีน 2568 ถือเป็นบิ๊กโมเมนตัมของธุรกิจค้าปลีกต่อเนื่องมาจากช่วงปีใหม่ที่จะสร้างความคึกคักเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศ โดยมีปัจจัยบวกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ อานิสงส์มาตรการรัฐทั้งอีซี่ อี-รีซีท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท จะเริ่มวันที่ 16 มกราคมนี้ โครงการคุณสู้เราช่วย และแจกเงิน 10,000 บาทผู้สูงอายุ ขณะที่ภาคเอกชนได้จัดแคมเปญเพิ่มเพื่อเป็นการสนับสนุน กระตุ้นกำลังซื้อให้มากขึ้นจากปัจจุบันที่ประชาชนค่อนข้างระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย จะซื้อเฉพาะสินค้าจำเป็น ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคและมีการเข้ามาซื้อสินค้าถี่มากขึ้นถึง 17%
“ท็อปส์เห็นโอกาสในการกระตุ้นภาคการบริโภคของตลาดช่วงตรุษจีนและกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาสแรกของปี 2568 จึงได้จัดแคมเปญใหญ่ครั้งแรกของปี THE GREAT CHINESE NEW YEAR 2025 ต้อนรับปีมะเส็ง ตอบรับเทรนด์ผู้บริโภค ผ่านกลยุทธ์ The Great 3As และนำสินค้ากว่า 1,500 รายการ จัดโปรโมชั่น เช่น เปิดพรีออเดอร์สินค้าล่วงหน้าสำหรับช่วงตรุษจีนถึงถึง 24 มกราคมนี้ ครบ 1,500 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ รับทันที ท้อปส์ Gift Voucher มูลค่า 150 บาท หรือสั่งจองสินค้าล่วงหน้าสำหรับไหว้ตรุษจีน ครบ 800 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ รับส่วนลดทันที 100 บาท ที่ท็อปส์เดลี่ ยังมีคูปองส่วนลด 15% เมื่อซื้อครบ 600 บาท เป็นต้น โดยตั้งเป้าแคมเปญดังกล่าวจะดันยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 20% เทียบกับตรุษจีนปี 2567 ”นายจักรกฤษณ์กล่าว
นายจักรกฤษณ์กล่าวว่า ทั้งนี้จากดาต้าลูกค้าท็อปส์ช่วงตรุษจีนปี 2567 พบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง อายุ 35-54 ปี และอาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ยังพบมียอดจับจ่ายซื้อสินค้าต่อตะกร้าเติบโต 23% เทียบกับช่วงเวลาปกติ ยอดสั่งซื้อสินค้าตรุษจีนล่วงหน้าเติบโต 59% มียอดขายสูงสุดในวันจ่ายเพิ่มขึ้น 35% ทั้งนี้ 5 หมวดหมู่สินค้าขายดีในช่วงตรุษจีน คือ ผักและผลไม้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เครื่องปรุงและอุปกรณ์ทำอาหาร เนื้อสัตว์และอาหารทะเลและของใช้ในบ้าน
นายจักรกฤษณ์กล่าวว่า นอกจากนี้การทำแคมเปญยังนำข้อมูลแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2568 ที่เรียกว่า 4s Trends มาพัฒนาเป็นกลยุทธ์ด้วย คือ 1. Smart Spending & Value Equation ใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า เน้นคุ้มค่า คุ้มราคา แม้เศรษฐกิจไทยจะยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีมาตรการจากภาครัฐช่วยเป็นแรงหนุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2567 แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงใช้จ่ายด้วยความระมัดระวัง คำนึงถึงความจำเป็นของสินค้าเป็นปัจจัยหลัก รวมทั้งพิจารณาความคุ้มค่าของสินค้าเทียบกับราคา เพื่อให้มั่นใจว่าแผนการใช้จ่ายรัดกุมมากพอ และจะไม่ส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินในอนาคต
2. Self-Healing ฮีลใจ, ทันกระแส, และมีสตอรี่ เศรษฐกิจที่กำลังกลับมาฟื้นตัว และสังคมที่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรายวัน ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยมุ่งแสวงหาความสุขทางใจมากขึ้น คือการซื้อหาสินค้าที่สวยงามทันสมัย นำ
เทรนด์ใหม่หรือมีเรื่องราวที่ทำให้ประทับใจ
3. Sustainability ดีต่อโลก ดีต่อใจ เน้นความยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และ ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้เทรนด์ผู้บริโภคในปี 2568 มีแนวโน้มจะสนับสนุนกระแสรักษ์โลก สินค้าที่ทำจากวัสดุธรรมชาติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืนมากขึ้น
4. Saiyasart ความเชื่อ พึ่งพาไสยศาสตร์ มูเตลู แม้ในยุคที่ดิจิทัลเชื่อมต่อกับทุกไลฟ์สไตล์ แต่คนไทยกว่า 88% เชื่อยังคงมีความเชื่อเรื่อง ‘มูเตลู’ ซึ่งข้อมูลจากสถาบันวิจัยความเป็นอยู่ ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ระบุว่า 5 อันดับสิ่งที่สายมูเตลูต้องการมูมากที่สุด ได้แก่ การเงิน 44%, โชคลาภ 17%, สุขภาพ 12%, การงาน 8% และการเรียนและความรักอีก 3%
นอกจากนี้ จากผลสำรวจของวิจัยกรุงศรี พบว่า ผู้บริโภค Gen Y และ Gen X ประมาณ 1 ใน 3 ใช้จ่ายเงินสำหรับสินค้าเสริมโชคลาภ มากกว่า 1,000 บาทต่อปี ในขณะที่ผู้บริโภคกลุ่มเบบี้บูมเมอร์เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายมากที่สุด โดย 7% ของกลุ่มนี้ใช้จ่ายมากกว่า 5,000 บาทต่อปี
“จุดมุ่งหมายของท็อปส์สำหรับแคมเปญ THE GREAT CHINESE NEW YEAR 2025 ในปีนี้ คือ การสร้างให้ท็อปส์ เป็นจุดหมายของการจับจ่ายสินค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีน”นายจักรกฤษณ์กล่าว