สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เปิดเผยรายงานว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำลังพิจารณาอนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันเข้าลงทุนในกองทุน Bitcoin ETF ภายในประเทศ จากการเปิดเผยของนางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. โดยบลจ.วรรณ ได้เปิดตัวกองทุนที่เข้าลงทุนใน Bitcoin ETF ในต่างประเทศเมื่อเดือนมิ.ย. 2567 แต่ประเทศไทยยังไม่ได้อนุญาตกองทุน ETF เข้าลงทุนโดยตรงในคริปโทเคอร์เรนซี
การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นนั้น คาดว่าจะอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับที่การแข่งขันในการสร้างศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีความเข้มข้นมากขึ้น โดยสิงคโปร์และฮ่องกงได้วางระบบที่เอื้อต่อการสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีแล้ว ในขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวในระหว่างรณรงค์การหาเสียงเลือกตั้งว่า เขามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สหรัฐฯ เป็นเมืองหลวงด้านคริปโทเคอร์เรนซีของโลก
บริษัทไบแนนซ์ โฮลดิ้งส์ (Binance Holdings) และบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ต่างมองว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากไทยได้ดำเนินการผ่อนคลายกฎข้อบังคับต่าง ๆ ในขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยก็ให้การสนับสนุนคริปโทฯ โดยเขากล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า ไทยควรพิจารณาการออกสเตเบิลคอยน์ (stablecoins) ที่มีพันธบัตรรัฐบาลค้ำประกันให้กับนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน รวมถึงศึกษาแนวทางอื่น ๆ สำหรับสกุลเงินดิจิทัล
ทั้งนี้ นางพรอนงค์กล่าวว่า ก.ล.ต. กำลังพิจารณาการอนุญาตให้บริษัทของไทยที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง สามารถออกสเตเบิลคอยน์ใหม่ที่มีหุ้นกู้ของตนเองเป็นหลักประกัน โดยคาดหวังว่าจะช่วยขยายการเข้าถึงตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนและลดต้นทุนได้
กิจกรรมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยกำลังเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับราคาบิตคอยน์ที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยบิตคอยน์ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 108,315 ดอลลาร์ในเดือนธ.ค. 2567