นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้เปิดเผยผ่านนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมกราคม 2568 ว่า ประเทศไทยควรพิจารณานำ Bitcoin มาเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองประเทศควบคู่ไปกับทองคำและสกุลเงินหลักที่มีอยู่เดิมเพื่อรักษาความได้เปรียบในเวทีการเงินโลก โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทุนสำรองทั้งหมด
โดยเห็นว่าไม่ควรรอจนกระทั่งต้นทุนสูงขึ้น เพราะต้องแบกรับต้นทุนมากขึ้นมาก หากเริ่มต้นเร็วจะสร้างความได้เปรียบในระยะยาว ตามหลายปัจจัยส่งเสริมในขณะนี้ อย่างการเข้ามาดำรงตำแหน่งของ Donald Trump ที่มีแผนที่จะผลักดันการถือครอง Bitcoin จำนวน 1 ล้าน BTC เป็นทุนสำรองของประเทศ ซึ่งอาจทำให้ประเทศอื่น ๆ ต้องเร่งปรับตัวเริ่มพิจารณาถือครอง รวมถึงปี 2568 ที่จะเป็นปีทองของสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะเป็นช่วง wave ที่ 4 ของคริปโทเคอร์เรนซีที่ตามสถิติแล้วจะเกิดขึ้นทุก 4 ปี
ขณะเดียวกันเรายังมีความมุ่งมั่นที่จะเป็น Financial Platform of the Future เหมือน Facebook ของวงการการเงิน ที่ครอบคลุมบริการทั้งการโอนเงินข้ามประเทศและการระดมทุนผ่าน Digital asset exchange เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจดิจิทัลที่แข็งแกร่งอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเห็นว่าไทยควรตั้งหน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะเช่นเดียวกับ ก.ล.ต. ดิจิทัลในดูไบ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนาอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลของไทย พร้อมชี้ว่าแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยจีนมีสัดส่วน GDP จากเศรษฐกิจดิจิทัลถึง 44% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 50% ในปีนี้ ขณะที่เวียดนามมีสัดส่วนอยู่ที่ 17%