ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 43,487 จุด +334 จุด หรือ -+0.78% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,996 จุด +59 จุด หรือ +1.00% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 19,630 จุด +291 จุด หรือ +1.51% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +3.7%, +2.9% และ +2.5% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดขึ้นดีที่สุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ขณะที่ ดัชนีหุ้นนาสแดคปิดขึ้นดีที่สุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2024
สาเหตุจากนักลงทุนมั่นใจมากขึ้นกับปัจจัยที่ลดแรงกดดันต่อแนวโน้มการปรับลลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ
ด้านตัวชี้วัดโอกาสการตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดครั้งแรกในการประชุมวันที่ 27-28 มกราคม ปี 2025 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 97% และแนวโน้มที่จะตรึงดอกเบี้ยดังกล่าวไปถึงเดือนมีนาคม ขณะที่โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดในมีนาคมอยู่ที่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 41%
ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งปิด +13%, +23.8% ในเดือนธันวาคม 2024 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -5.2%, -2.1% และ +1.4% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ในธันวาคม 2024 ทำสถิติรายเดือนที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 2 ปี 3 เดือน หรือตั้งแต่กันยายนปี 2022 สอดรับกับดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ในธันวาคม 2024 ทำสถิติรายเดือนที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 8 เดือน หรือตั้งแต่เมษายนปีนี้
