ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 21 มกราคม 2025 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 75.89 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.7% ส่งผลราคาปิดลดลง 4 วันติดกันรวม -5.45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -6% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 79.29 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.86 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.1% ส่งผลราคาปิดลดลง 3 วันติดกันรวม -3.70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -4.6%
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดสำคัญปิด +1.3% และ +1.7% ตามลำดับ ส่งผลเป็นราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ปิดขึ้น 4 สัปดาห์ติดต่อกัน ในปี 2024 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดสุทธิลดลง 3% เมื่อเทียบกับปี 2023 ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ มีราคาปิดสุทธิเสมอตัวกับในปี 2023
สาเหตุจากประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภาวะพลังงานฉุกเฉินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ด้วยการใช้นโยบายสนับสนุนการผลิตน้ำมันดิบในประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิม ส่งผลให้แนวโน้มภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดโลกในปีนี้จะเกิดขึ้นตามการคาดการณ์ของสำนักพลังงานระดับสากลหลายแห่ง นอกจากนี้ เตรียมยกเลิกการซื้อน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซุเอลา ขณะที่ ข้อตกลงเสนอหยุดยิงชั่วคราวนาน 6 สัปดาห์ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสติดอาวุธในฉนวนกาซามีผลขึ้นแล้ว ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่ากลุ่มกองกำลังฮูติที่มักจะโจมตีกองเรือขนส่งน้ำมันดิบในทะเลแดงของตะวันออกกลาง อาจจะหยุดการซุ่มโจมตีด้วย
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 15 มกราคมนี้ โดยขึ้นราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 50 สตางค์/ลิตร นับเป็นการขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกครั้งแรกของปี 2025 และเป็นการขึ้นราคาลิตรละ 50 สตางค์ครั้งแรกและมากที่สุดในรอบเกือบ 10 เดือนผ่านมา หรือตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2024 ส่งผลเป็นราคาน้ำมันขายปลีกสูงสุดใน 13 วันผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2025