อ็อกซ์แฟม (Oxfam) เปิดเผยรายงานความเหลื่อมล้ำประจำปี 2024 พบว่า ภายใน 10 ปีข้างหน้า บรรดา 5 มหาเศรษฐีอันดับแรกของโลกจะมีมูลค่าสินทรัพย์รวมกันเกินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 34 ล้านล้านบาท เป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ สำหรับ 5 มหาเศรษฐี ได้แก่ นายอีลอน มัสค์ ซีอีโอเทสลา อินคอร์ปอเรชั่น และสเปซเอ็กซ์ ซึ่งในปัจจุบันเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และมีความร่ำรวยสูงมากถึง 430,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 14.62 ล้านล้านบาท นายเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งอเมซอน นายแลร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งออราเคิล นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ เมตา อินคอร์ปอเรชั่น และนายเบอร์นาร์ด อาโนลต์ ซีอีโอแอลวีเอ็มเอช
ในปี 2024 ปัจจัยบวกที่ส่งผลให้บรรดามหาเศรษฐีที่ร่ำรวยอันดับต้นต้นของโลกมีมูลค่าความมั่งคั่งสูงขึ้น เป็นผลมาจากภาวะตลาดหลักทรัพย์สำคัญขนาดใหญ่ของโลก เช่น ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กสหรัฐมีความคึกคัก และผลตอบแทนจากการลงทุนทะยานสูงขึ้น โดยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์นับครั้งไม่ถ้วนในปีผ่านไป ส่งผลต่อจำนวนมหาเศรษฐีที่มีการจัดอันดับความร่ำรวยมากเพิ่มขึ้นเกินกว่า 200 คน ทำให้จำนวนมหาเศรษฐีรวมเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2,770 คนทั่วโลก
นอกจากนี้ มูลค่าความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีที่เพิ่มขึ้นนั้นมีมากมายถึง 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 71.4 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มทะยานสูงขึ้นถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับในปีผ่านไป ทำให้มีมูลค่าความมั่งคั่งสะสมรวมมากถึง 15 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 510 ล้านล้านบาท ขณะที่ในสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว พบว่า มหาเศรษฐีอาศัยอยู่มากถึง 816 คน ทำให้ความมั่งคั่งรวมทั้งสิ้นมีสูงถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 47.6 ล้านล้านบาท
อ็อกซ์แฟม เปิดเผยต่อไปว่า มากกว่า 1 ใน 3 ของมหาเศรษฐีได้รับความมั่งคั่งจากมรดกตกทอดกันมา ในปี 2023 ยังพบว่า เป็นครั้งแรกที่มีบรรดามหาเศรษฐีจำนวนมากมายที่ได้รับการสืบทอดจากการได้รับมรดก ซึ่งมีความมั่งคั่งมากกว่าการเป็นนักบริหารมืออาชีพในองค์กรเอกชน หรือบริษัทชั้นนำทั่วโลก