ตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์นานาชาติกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษหรือไอซีอีเปิดเผยว่า สัญญาซื้อขายราคา เมล็ดกาแฟ ล่วงหน้า หรือ Futures สายพันธุ์อราบิก้า ซึ่งผลิตในละตินอเมริกา มีราคาพุ่งขึ้นแตะสูงสุดที่ระดับ 3.53 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์ ส่งผลทำสถิติราคาสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ โดยมีราคาปิดเพิ่มขึ้นจากระดับ 3.49 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์เมื่อวันจันทร์ผ่านมา และเพิ่มขึ้นจากเมื่อวันศุกร์ผ่านไปที่ระดับ 3.48 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์
ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ราคาเมล็ดกาแฟล่วงหน้าสายพันธุ์อราบิก้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 43 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 1977 เป็นต้นมา ธนาคารโลก เปิดเผยว่า ในเดือนธันวาคม 2024 ราคาเมล็ดกาแฟล่วงหน้าสายพันธุ์อราบิก้าพุ่งขึ้น 13% ส่งผลให้ราคาเม็ดกาแฟพันธุ์ดังกล่าวทะยานถึง 60% เมื่อเทียบจากปี 2023
สาเหตุจากความต้องการบริโภคกาแฟในตลาดโลกยังคงมีมากกว่าปริมาณการผลิตกาแฟที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะภูมิอากาศที่ย่ำแย่ในภูมิภาคละตินอเมริกา เช่น บราซิลที่เป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟใหญ่ที่สุดในโลก และโคลอมเบียต่อเนื่องมาถึงปีนี้ ท่ามกลางราคาเมล็ดกาแฟในตลาดโลกเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ใน 11 เดือนแรกของปี 2024 สหรัฐอเมริกาต้องนำเข้าเมล็ดกาแฟจากทั่วโลกมากถึงเกือบ 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 306,000 ล้านบาท สหรัฐอเมริกานำเข้าเมล็ดกาแฟจากประเทศโคลอมเบีย ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกามีมูลค่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 47,600 ล้านบาทใน 11 เดือนแรกของปีผ่านไป
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2024 ผ่านมา สัญญาซื้อขายราคาเมล็ดกาแฟล่วงหน้า หรือ Futures สายพันธุ์อราบิก้า พุ่งขึ้นแตะสูงสุดที่ระดับ 3.3545 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์ ส่งผลทำสถิติราคาสูงสุดในรอบ 43 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 1977 เป็นต้นมา หลังจากนั้นมีราคาปิดลดลงมาแตะที่ระดับ 3.1805 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์ หรือลดลง -1.5% เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2024
สอดคล้องกับราคาสัญญาซื้อขายราคาเมล็ดกาแฟล่วงหน้า หรือ Futures สายพันธุ์โรบัสต้า พุ่งขึ้นแตะสูงสุดที่ระดับ 5,694 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่งผลทำสถิติราคาสูงสุดในรอบ 47 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 1977 ก่อนที่ราคาจะปิดลดลงมาแตะที่ระดับ 5,377 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์ หรือลดลง -2.7% เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2024
สาเหตุจากชาวไร่ในอุตสาหกรรมสวนกาแฟที่ประเทศบราซิลชะลอการส่งมอบเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อราบิก้าในฤดูกาลเก็บเกี่ยวช่วงสิ้นปีนี้ ด้วยความหวังว่าราคาเมล็ดกาแฟมีความเป็นไปได้สูงที่จะถีบตัวสูงขึ้นมากกว่าในปัจจุบันอีก ส่งผลให้ในขณะนี้เกิดภาวะขาดแคลนเมล็ดกาแฟในช่วงระยะสั้น ในขณะเดียวกันทำให้บรรดานายหน้าซื้อขายเมล็ดกาแฟต้องขาดทุนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากคาดว่าจะได้รับการส่งมอบกาแฟพันธุ์ดังกล่าวตามเวลากำหนด
นอกจากนี้ มีการประเมินว่าในปี 2025 การฟื้นตัวของผลผลิตเมล็ดกาแฟพันธุ์อราบิก้าในประเทศบราซิล อาจจะเผชิญกับอุปสรรคและข้อจำกัดหลายอย่างเนื่องจากภาวะโลกร้อน ที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตในปีนี้ ในปัจจุบัน ราคาเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อราบิก้าพุ่งทะยานขึ้นถึง 71% นับตั้งแต่ต้นปีผ่านมา สอดคล้องกับราคาเมล็ดโกโก้ซึ่งมีราคาถีบตัวสูงขึ้นมากกว่า 2 เท่าในปี 2024 เช่นกัน