ปตท.สผ. เล็งจัดงบ 2.61 แสนล้านบาท ลุยลงทุนในปีนี้ เผยปี 2567 โกยกำไร 7.88 หมื่นล้านบาท อนุมัติจ่ายเงินปันผล 9.625 บาทต่อหุ้น

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 78,824 ล้านบาท (เทียบเท่า 2,227 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่บริษัทจะนำมาใช้ในการพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมจากโครงการต่างๆ ตามแผนงานปี 2568 รองรับความต้องการการใช้พลังงานในประเทศต่อไป โดยที่คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2567 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ที่ 9.625 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิที่ 49% รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 38,211 ล้านบาท

โดยมีรายได้รวม 327,415 ล้านบาท (เทียบเท่า 9,273 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 488,794 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเลียมของโครงการ G1/61 ขณะที่ ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยอยู่ที่ 46.78 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

สำหรับปี 2568 ลงทุนกว่า 2.61 แสนล้านบาท สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยปตท.สผ. ได้ตั้งประมาณการดำเนินงานปี 2568 ไว้ที่ 261,940 ล้านบาท (เทียบเท่า 7,819 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งงบประมาณดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดตามผลกำไรในปีที่ผ่านมา เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนกิจกรรมการสำรวจ พัฒนา และเพิ่มอัตราการผลิตปิโตรเลียม รองรับความต้องการใช้พลังงานของภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน รวมทั้ง ลดภาระการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ

“บริษัทจะนำงบประมาณไปใช้ในการดำเนินแผนงานในการรักษาและการเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยจากโครงการ G1/61 โครงการ G2/61 จากปีที่ผ่านมา บริษัทมีความก้าวหน้าสำคัญในการดำเนินธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยสามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยในโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ ปลาทอง สตูล และฟูนาน) ขึ้นมาสู่ระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และยังคงรักษากำลังการผลิตของโครงการอย่างต่อเนื่อง”

นอกจากนี้ ยังมีแผนลงทุนโครงการอาทิตย์ โครงการเอส 1 โครงการคอนแทร็ค 4 และโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย และยังมีแผนเร่งพัฒนากลุ่มโครงการสำรวจในประเทศมาเลเซีย (Malaysia Greenfields) โครงการในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และโมซัมบิก ให้สามารถเริ่มการผลิตได้ตามแผน ไปพร้อมกับแผนงานเร่งการสำรวจในประเทศไทย และมาเลเซีย รวมถึงการดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่การขยายการลงทุนในต่างประเทศ ปตท.สผ. ได้เข้าซื้อสัดส่วนการลงทุน 10% ในโครงการสัมปทานกาชา (Ghasha Concession Project) ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โดยมีแผนจะเริ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติในปี 2568

บริษัทยังได้รับอนุมัติแผนพัฒนาโครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 เมื่อเดือนกันยายนในปีที่ผ่านมา จากหน่วยงานรัฐของอาบูดาบีแล้ว โดยคาดว่าจะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้สำรองงบประมาณสำหรับการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เช่น พลังงานลมนอกชายฝั่ง และเชื้อเพลิงไฮโดรเจน เป็นต้น เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาว

ส่วน ปี 2567 ได้นำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่นๆ 50,450 ล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น อีกทั้งรัฐยังได้รับส่วนแบ่งของผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการ G1/61 และ G2/61 ซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) เป็นรายได้ทางตรงจากการผลิตปิโตรเลียมที่รัฐนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอีกส่วนหนึ่งด้วย

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles