นายสุโรจน์ เเสงสนิท นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เปิดเผยว่าในปี 2568 นี้ ประเมินว่ายอดขายของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีในประเทศไทย ซึ่งกลายเป็นตลาดรถอีวีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน จะมียอดขายขึ้นขึ้น +40% หรือมากกว่า 100,000 คัน เมื่อเทียบกับยอดขายรถอีวีในปี 2567 ที่ผ่านไป หลังจากในปีที่ผ่านมานั้นยอดขายรถอีวีสุดตัวลงมากถึง -8% ในตลาดของไทย
สาเหตุมาจากนโยบายการสนับสนุนของรัฐบาลตามโครงการผลิตรถอีวีในประเทศไทย ด้วยการผลิตในสัดส่วนเพิ่มขึ้น 1.5 เท่าต่อการนำเข้ารถอีวีหนึ่งคันในในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 2022 ถึง 2023 ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถอีวีจะได้รับเงินช่วยเหลือจากอัตราภาษีศุลกากร และไม่เสียค่าปรับจำนวนสูงมาก เป็นที่ทราบเป็นดีว่านโยบายดังกล่าวส่งผลให้มีการอุดหนุนราคารถอีวีคันละ 150,000 บาท สำหรับในปี 2567 ผ่านไปรถอีวีในไทยมีการจดทะเบียนราว 70,000 คัน โดยมีการนำเข้ารถอีวีจากต่างประเทศเป็นจำนวน 84,000 คันระหว่างปี 2022 ถึง 2023
นักวิเคราะห์ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว และสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว ย่อมส่งผลให้กลายเป็นปัจจัยลบต่อวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทย ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากภาวะหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงมากรวมถึงสถาบันการเงินยังคงปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อรถยนต์ดังนั้น โดยเฉพาะการใช้นโยบายสงครามลดราคาที่มีขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา คาดว่าจะยังคงมีต่อไปอย่างเข้มข้นในปี 2568 นี้ นักวิเคราะห์จากสำนักวิจัย SCB EIC เปิดเผยว่า นโยบายสงครามราคา จะยังคงยืดเยื้อและเป็นมาตรการด้านการตลาดเชิงรุก และส่งผลกระทบเป็นผลกว้างต่อไป ทำให้อาจเป็นโอกาสในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปต้องพิจารณาการปรับลดราคาขายด้วย