ลุยลงทุน ! ‘ครม.’ เคาะโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน โคราช-หนองคาย 3.4 แสนล้าน นายกฯเร่งเปิดลงทุนแลนบริดจ์ เผยนักลงทุนจีนสนใจ

ลุยลงทุน ! 'ครม.' เคาะโครงการ รถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน โคราช-หนองคาย 3.4 แสนล้าน นายกฯเร่งเปิดลงทุนแลนบริดจ์ เผยนักลงทุนจีนสนใจ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (4 ก.พ.) เห็นชอบการดำเนินการโครงการรถไฟไทย-จีน ระยะที่ 2 เพื่อเชื่อมต่อเส้นทางจากจังหวัดนครราชสีมา-หนองคาย โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้ติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด

ก่อนหน้านี้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค กรุงเทพ – หนองคาย ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย มีระยะทาง 357.12 กิโลเมตร วงเงินก่อสร้าง 341,351.42 ล้านบาท

โดยเมื่อ ครม. เห็นชอบ คาดว่าจะสามารถเปิดประกวดราคาหาผู้รับจ้าง และเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2568 และเปิดให้บริการในปี 2574 โดยโครงการไฮสปีดเทรนสายนี้ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางที่มีความรวดเร็ว และความปลอดภัยให้ประชาชน รวมทั้งยังเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์เชื่อมต่อการค้าการลงทุนของไทยกับ สปป.ลาว และประเทศจีนด้วย

นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในการประชุมดังนี้ เรื่องการเยือนจีนอย่างเป็นทางการจะมีการผลักดัน และติดตามความร่วมมือสำคัญ ได้แก่ ในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โดยให้เร่งส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนด้านการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะในสาขาแห่งอนาคตที่สำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสีเขียวและดิจิทัล เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) และดาต้าเซนเตอร์ ขอให้คณะรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับมาตรการกำกับดูแล มาตรฐาน คุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้าอย่างเข้มงวดโดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหารและ ขอให้เดินหน้าพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) และพร้อมเปิดรับการลงทุนจากประเทศจีน หากนักลงทุนจีนให้ความสนใจ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมีข้อสั่งการเพิ่มเติมเรื่องการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของแต่ละกระทรวง โดยกล่าวว่าเมื่อวาน (วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568) ได้มีการประชุมเร่งรัดติดตามเรื่องงบการลงทุนของแต่ละกระทรวง ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม และจะมีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยที่ทางอธิบดีกรมบัญชีกลางจะช่วยเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามกำหนด โดยขอให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เร่งติดตามให้ทุกกระทรวงดำเนินการตามเป้าหมาย เพราะถือว่าเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles