นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยไฮไลท์สถิติสำคัญของการ ส่งออกสินค้าเกษตรไทย ประจำปี 67 โดยภาพรวมการส่งออกของไทยในปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 300,529.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 10,548,759 ล้านบาท ขยายตัว 5.4%
โดยการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มีสัดส่วน 17.36% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย คิดเป็นมูลค่า 52,185.0 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,835,800 ล้านบาท ขยายตัวที่ 6.0% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ซึ่งในปี 67 การส่งออกสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมเกษตร มีมูลค่าถึง 52,185 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นครั้งแรก ที่ไทยมีการส่งออกสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมเกษตรเกินกว่า 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แสดงให้เห็นถึงบทบาทของภาคเกษตรและอาหาร ที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าเกษตรส่งออกสำคัญของไทย ส่วนใหญ่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) หรือมีการแปรรูปขั้นต้นเท่านั้น ดังนั้น จึงต้องเร่งส่งเสริมและผลักดันให้ไทยส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่าสูง และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้น อาทิ อาหารแปรรูปมูลค่าสูง สินค้าเกษตรอัตลักษณ์ และสินค้าเกษตรสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (สินค้า GI)
โดยสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก มีสัดส่วนถึง 88.06% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก มีสัดส่วน 60.17% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า ไทยพึ่งพาการส่งออกสินค้าไม่กี่รายการ อาทิ ผลไม้ ข้าว ยางพารา ไก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และอาหารสัตว์เลี้ยง ดังนั้น ไทยจึงควรนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรที่หลากหลายขึ้น และตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น
ส่วนตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรที่ไทยพึ่งพาสูง ได้แก่ จีน (สัดส่วน 23.68% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรทั้งหมดของไทย) สหรัฐอเมริกา (สัดส่วน 10.23%) และญี่ปุ่น (สัดส่วน 9.94%) ทั้ง 3 ตลาดมึสัดส่วน 43.85% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรทั้งหมดของไทย จึงควรหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาบางตลาดมากเกินไป รวมทั้งติดตามมาตรการทางการค้าจากจีนและสหรัฐฯ จากสงครามการค้ารอบใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย
“สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เป็นสินค้าสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันสนับสนุนให้เศรษฐกิจภาคเกษตรเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการนำผลการวิจัย และเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และประเมินความเสี่ยงเพื่อลดผลกระทบต่าง ๆ อาทิ สภาพภูมิอากาศ และสงครามการค้า ทำการตลาด และเจาะตลาดใหม่ ควบคู่กับการรักษาตลาดเดิม รวมทั้งติดตามมาตรการการนำเข้าของประเทศคู่ค้า เพื่อวางแผนปฏิบัติตามได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง รวมทั้งต้องพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตร การเก็บรักษา และบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อยกระดับการส่งออกภาคเกษตรให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน” นายพูนพงษ์ กล่าว